ดรามาประกันสังคม: "พิพัฒน์ vs รักชนก" สรุปทุกประเด็นข้อกังขาสังคม

ดรามาประกันสังคม: "พิพัฒน์ vs รักชนก" ถาม-ตอบ ข้อกังขาดูงานต่างประเทศ - ตั้งบอร์ดแพทย์ - ทำปฏิทิน สรุปให้ที่นี่

ประเด็นร้อนของวงการแรงงาน และ ประกันสังคม กลับมาเป็นที่จับตามองอีกครั้ง เมื่อ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ น.ส.รักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ได้ร่วมอภิปรายในรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับงบประมาณของประกันสังคม และปัญหาเชิงโครงสร้างต่าง ๆ ที่กำลังเป็นกระแสร้อนแรงในขณะนี้


ข้อกังขา: ดูงานต่างประเทศของบอร์ดแพทย์


หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ น.ส.รักชนก ซักถามคือ การเดินทางไปดูงานต่างประเทศของบอร์ดแพทย์ โดยเฉพาะทริปล่าสุดที่มีรายงานว่า บอร์ดแพทย์กำลังจะเดินทางไปประเทศอิตาลีก่อนหมดวาระ ซึ่งถูกตั้งคำถามว่าเป็นการเดินทางทิ้งทวนหรือไม่

นายพิพัฒน์ ชี้แจงว่า ทุกการดูงานที่เกิดขึ้นในอดีตล้วนได้นำมาพัฒนาประกันสังคม พร้อมย้ำว่าประกันสังคมมีการพัฒนามาโดยตลอด

ดรามาประกันสังคม: "พิพัฒน์ vs รักชนก" สรุปทุกประเด็นข้อกังขาสังคม

สรุปข่าว

สรุปดรามาประกันสังคม: "พิพัฒน์ vs รักชนก" ถาม-ตอบ ข้อกังขาดูงานต่างประเทศ - ตั้งบอร์ดแพทย์ - ทำปฏิทินสรุปให้ที่นี่

การแต่งตั้งบอร์ดแพทย์ชุดใหม่และข้อกังวลของผู้ประกันตน

อีกหนึ่งข้อกังขาที่ น.ส.รักชนก หยิบยกขึ้นมาคือ กระบวนการแต่งตั้งบอร์ดแพทย์ชุดใหม่ โดยตั้งคำถามว่าผู้ประกันตนอาจถูกกีดกันจากกระบวนการแต่งตั้งหรือไม่

นายพิพัฒน์ ยืนยันว่า กระบวนการแต่งตั้งจะเปิดกว้างเพื่อให้บอร์ดประกันสังคมมีความก้าวหน้าและสามารถทำงานร่วมกันได้ โดยเน้นย้ำว่า ประกันสังคมเป็นประเด็นสำคัญของประเทศ เนื่องจากไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกันตน

ประเด็นการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม

น.ส.รักชนก กล่าวถึงร่างกฎหมายในอดีตที่เสนอให้ยกเลิกการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม โดยให้ฝ่ายรัฐเป็นผู้แต่งตั้งแทน ซึ่งเป็นข้อเสนอที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 และมีข้อจำกัดในการประชุม

ในเรื่องนี้ นายพิพัฒน์ ยืนยันว่าบอร์ดประกันสังคมต้องมาจากการเลือกตั้งเช่นเดิม เพื่อให้ผู้ประกันตนมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางบริหารกองทุน

โครงสร้างสำนักงานประกันสังคม: ควรมีมืออาชีพบริหารหรือไม่?

น.ส.รักชนก ตั้งข้อสังเกตว่าผู้บริหารสำนักงานประกันสังคมมักมาจากส่วนราชการ ซึ่งอาจไม่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารกองทุนขนาดใหญ่ จึงเสนอให้มีการนำผู้เชี่ยวชาญจากภาคเอกชนเข้ามาบริหาร

นายพิพัฒน์ ยอมรับว่า โครงสร้างของประกันสังคมมีขนาดใหญ่มาก จนสามารถแยกออกเป็นกระทรวงใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม การนำมืออาชีพจากภาคเอกชนเข้ามาบริหารยังติดข้อจำกัดด้านกฎหมาย ดังนั้น ในปัจจุบันจึงต้องใช้แนวทางแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมในบอร์ดแทน

ดรามาใช้งบทำปฏิทิน 10 ปี มูลค่า 600 ล้านบาท


อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ งบประมาณกว่า 600 ล้านบาท ที่ใช้ในการจัดทำปฏิทินของประกันสังคมเป็นเวลา 10 ปี โดยใช้งบปีละประมาณ 55 ล้านบาท ซึ่งถูกตั้งคำถามถึงความจำเป็นในการใช้จ่ายดังกล่าว
นายพิพัฒน์ อธิบายว่า ปฏิทินเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิของผู้ประกันตน อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานกำลังเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นว่าผู้ประกันตนยังต้องการปฏิทินหรือไม่ หากไม่จำเป็น ก็จะเปลี่ยนงบประมาณดังกล่าวไปใช้ในการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นแทน

ประเด็นผลตอบแทนของกองทุนประกันสังคม


สำหรับผลตอบแทนของกองทุนประกันสังคม นายพิพัฒน์ ระบุว่า ปี 2566 กองทุนได้ผลตอบแทน 3.11% และในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 5.34% ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนให้ทะลุ 6-8% เพื่อยืดอายุของกองทุนให้มั่นคง เนื่องจากจำนวนผู้เกษียณอายุเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่อัตราการจ้างงานยังคงที่

การอภิปรายระหว่าง นายพิพัฒน์ และ น.ส.รักชนก ได้สะท้อนให้เห็นถึงประเด็นร้อนเกี่ยวกับกองทุนประกันสังคม ตั้งแต่เรื่องการเดินทางดูงานต่างประเทศ การแต่งตั้งบอร์ดแพทย์ การเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม ปัญหาโครงสร้างบริหาร งบประมาณปฏิทิน และผลตอบแทนกองทุน โดยทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องที่มีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกันตน และจะต้องจับตาดูกันต่อไปว่าการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นไปในทิศทางใด

ที่มาข้อมูล : รวบรวมโดย TNN

ที่มารูปภาพ : AFP