คดีแตงโมล่าสุด ใช้ดาวเทียมธีออส-2 ช่วยตรวจพิกัดวัตถุช่วยสืบคดีจริงหรือ?

คดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ "แตงโม" แม้เวลาผ่านไปนาน 3 ปี  แต่ยังเป็นที่สนใจของประชาชน ล่าสุดมีกระแสข่าวการใช้ดาวเทียมธีออส-2 ถูกนำมาใช้สำรวจพิกัดจุดตำแหน่งวัตถุในคดีแตงโม  

ล่าสุดทางสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ชี้แจงว่า ดาวเทียมธีออส - 2 ขึ้นสู่วงโคจรเมื่อวันที่ 9 ต.ค.66 หลังจากคดีแตงโม และเริ่มให้บริการข้อมูลดาวเทียม ช่วงเดือน ก.ค.67 ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคดี


คดีแตงโมล่าสุด ใช้ดาวเทียมธีออส-2  ช่วยตรวจพิกัดวัตถุช่วยสืบคดีจริงหรือ?

สรุปข่าว

คดีแตงโมยังอยู่ในกระบวนการสอบสวนเพิ่มเติม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของแตงโมและเก็บดีเอ็นเอเพื่อค้นหาหลักฐานใหม่ นอกจากนี้ DSI มีแผนใช้เทคโนโลยีโซนาร์ค้นหาเบาะแสในแม่น้ำเจ้าพระยา และเรียกพยานสำคัญมาให้ปากคำเพิ่ม มีรายงานว่านายตนุภัทร (ปอ) ติดต่อพูดคุยกับนายพีระพันธุ์เกี่ยวกับคดีนี้ สังคมยังคงจับตาความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด ไม่ได้มีการใช้ดาวเทียมธีออส - 2 ช่วยตรวจพิกัดวัตถุคดีแต่อย่างใด

ดาวเทียมธีออส-2เป็นดาวเทียมถ่ายภาพรายละเอียดสูงมากขนาด 50 เซนติเมตร คือ สามารถถ่ายวัตถุที่มีขนาด 50*50 เซนติเมตรขึ้นไป ถ่ายภาพได้ในเวลากลางวัน ซึ่งใช้ในภารกิจ 6 ด้าน ดังนี้

1. การจัดการทรัพยากรน้ำ


2. ด้านทรัพยากรธรรมชาติ


3. ติดตามภัยพิบัติ


4. ด้านการเกษตร


5. ด้านการจัดการผังเมือง


6. ด้านความมั่นคง


สำหรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีแตงโมมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อค้นหาความจริงในคดีนี้ ดังนี้:

การตรวจสอบหลักฐานใหม่ จาก โทรศัพท์มือถือของแตงโม โดย ดีเอสไอได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง และได้ทำการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอเพื่อส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมที่อาจเป็นประโยชน์ต่อคดี สำหรับการสืบสวนเพิ่มเติม มีการเตรียมใช้เทคโนโลยีโซนาร์ ตรวจสอบพื้นที่ใต้แม่น้ำเจ้าพระยาใน 8 จุดที่ต้องสงสัย เพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมที่อาจเกี่ยวข้องกับคดี


นอกจากนี้ ยังมี การเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น คุณเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ (ไทด์) ให้ปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  คดีนี้ยังคงอยู่ในกระบวนการสืบสวนเพิ่มเติม และสังคมยังคงติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด

ที่มาข้อมูล : ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม

ที่มารูปภาพ : TNN