ปลดล็อกคำสั่งระงับกิจกรรมทุนโครงการร่วมมือไทย - สหรัฐฯ ด้านสาธารณสุข

วันนี้ ( 2 มี.ค. 68 )นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า โครงการความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนางานด้านสาธารณสุขของประเทศไทย โดยเฉพาะการควบคุมโรคติดต่อ การพัฒนาระบบสาธารณสุข และการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ โดยในปีงบประมาณ 2568 มีการดำเนินโครงการตามข้อตกลงความร่วมมือด้าน Non-Research จำนวน 31 โครงการ ได้รับทุนสนับสนุนงบประมาณ 279.1 ล้านบาท

ช่วงที่ผ่านมา ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (US CDC) ได้ส่งประกาศข้อกำหนดและเงื่อนไขของการสนับสนุนงบประมาณ (Notice Of Award) แจ้งให้ยกเลิก หยุด ระงับ หรือจำกัดกิจกรรมภายใต้ทุนที่ออกหลังจากวันที่ 24 มกราคม 2568 ตามคำสั่งผู้บริหารของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ได้แจ้งยกเว้นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบจาก PREFAR ให้ดำเนินการกรณีที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและรักษา HIV และวัณโรคซึ่งเกิดจาก HIV ซึ่งเกี่ยวข้องกับการช่วยชีวิตของผู้ป่วยได้ เช่น การจัดหายา การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การจัดเก็บ และการกระจายเวชภัณฑ์ เป็นต้น

ปลดล็อกคำสั่งระงับกิจกรรมทุนโครงการร่วมมือไทย - สหรัฐฯ ด้านสาธารณสุข

สรุปข่าว

โครงการความร่วมมือไทย-สหรัฐด้านสาธารณสุขในปี 2568 ได้รับทุนสนับสนุน 279.1 ล้านบาท แต่เคยถูกระงับบางส่วนตามคำสั่งรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อนที่ศาลจะยกเลิกคำสั่งดังกล่าวเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ทำให้สามารถดำเนินโครงการต่อได้ กระทรวงสาธารณสุขมีแผนรับมือผ่าน 4 แนวทาง รวมถึงการจัดสรรงบในประเทศและใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ.

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ล่าสุด US CDC ได้ส่ง Notice Of Award มาเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 แจ้งรายละเอียดคำสั่งจากศาลแขวงสหรัฐฯ ในโรดไอแลนด์ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 ว่าให้ยกเลิกคำสั่งระงับกิจกรรมอย่างเป็นทางการแล้ว โดยสามารถดำเนินกิจกรรมโครงการต่อได้ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของทุน และในส่วนของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างการระงับกิจกรรม ค่าใช้จ่ายที่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานและความปลอดภัยของทรัพย์สิน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อน วันที่ 24 มกราคม 2568 ให้เบิกจ่ายได้ภายใต้ระเบียบข้อบังคับของทุน ยกเว้นการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้งและการทำหมันโดยไม่สมัครใจ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลง US CDC จะแจ้งให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรต่อไป

นพ.โอภาส ระบุว่า เรื่องนี้ถือเป็นข่าวดี ทำให้ขณะนี้โครงการความร่วมมือต่างๆ กลับมาดำเนินกิจกรรมได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขมีงบประมาณสำหรับให้บริการอยู่แล้ว เงินทุนสนับสนุนดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการดำเนินงานตามความร่วมมือทางด้านสาธารณสุข โดยช่วงที่มีการระงับกิจกรรมภายใต้ทุนสนับสนุนฯ กระทรวงสาธารณสุขยังเดินหน้าโครงการต่อผ่าน 4 แนวทาง คือ

1.จัดสรรงบประมาณภายในประเทศ และเพิ่มงบจากแหล่งอื่น รวมทั้งปรับปรุงการใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งได้มีการจัดสรรงบประมาณของประเทศในการดำเนินงานบางส่วนอยู่แล้ว
2.หาแหล่งสนับสนุนจากภายนอก พร้อมขอความร่วมมือจากองค์กรระหว่างประเทศอื่น ภาคเอกชน และ NGOs
3.พัฒนาศักยภาพภายใน รวมถึงส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ภายในประเทศ
4.ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงาน โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

ที่มาข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข

ที่มารูปภาพ : กระทรวงสาธารณสุข