รัฐบาล ชวนร่วมฉลองยูเนสโกยกย่อง “ภูพระบาท” เป็นมรดกโลก 28 ก.พ. นี้

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า องค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในชื่อ “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” (Phu Phrabat, a testimony to the Sima stone tradition of the Dvaravati period) โดยเป็นแหล่งมรดกโลกลำดับที่ 8 และแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 5 ของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานีต่อจากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก เมื่อพุทธศักราช 2535 

สำหรับการประกาศดังกล่าวได้ลงนาม รับรองโดย Ms. Audrey Azoulay ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่ง สหประชาชาติ (UNESCO) เรียบร้อยแล้ว 

ทั้งนี้ จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองและติดตั้งตราสัญลักษณ์มรดกโลกอย่างยิ่งใหญ่ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ณ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี 

อ่านข่าว เปิดตำนาน "ภูพระบาท" มรดกโลก สะท้อนศรัทธาแห่ง "สีมา" ยุคทวารวดี

รัฐบาล ชวนร่วมฉลองยูเนสโกยกย่อง “ภูพระบาท” เป็นมรดกโลก 28 ก.พ. นี้

สรุปข่าว

รัฐบาล ชวนคนไทยร่วมฉลอง ยูเนสโกยกย่อง “ภูพระบาท” มรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของไทย ที่อุดรธานี 28 ก.พ. นี้ มีกิจกรรมและการแสดงมากมาย

โดยภายในงานมีกิจกรรมและการแสดงมากมาย อาทิ การแสดงศิลปะพื้นบ้าน จากชุมชนไทพวน อำเภอบ้านผือ พิธีปลูกต้นรวงผึ้ง เฉลิมพระเกียรติ พิธีติดตั้งตราสัญลักษณ์มรดกโลก และป้ายส่งเสริมการท่องเที่ยว พิธีเจริญพระพุทธมนต์ ณ โบราณสถานหอนางอุสา การแสดงละครตำนานภูพระบาท เรื่อง "อุสา - บารส" โขนรามเกียรติ์ ตอน "สุครีพถอนต้นรัง “การขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นมรดกโลกนับเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยและประชาชนทุกคน

สะท้อนถึงคุณค่าและความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมไทยในระดับสากล รัฐบาลเชื่อมั่นว่าสิ่งนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ยกระดับศักยภาพของประเทศ และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน” นางสาวศศิกานต์ ระบุ

ประวัติ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท

เป็นอุทยานที่แสดงถึงอารยธรรมของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 2,500-3,000 ปี และร่องรอยการใช้เป็นศาสนสถานอย่างต่อเนื่องมาถึงสมัยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมทวารวดี วัฒนธรรมเขมร วัฒนธรรมล้านช้าง เอกลักษณ์ของอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท คือ "หอนางอุสา" โขดหินขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายเห็ดบนลานหินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยมีการปักใบเสมาหินทรายขนาดใหญ่ล้อมรอบทั้ง 8 ทิศ

ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน บ้านติ้ว ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2567 เป็นอุทยานที่แสดงถึงอารยธรรมของมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศ ซึ่งมีโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นหินทรายที่ถูกการกัดกร่อนทางธรรมชาติทำให้เกิดเป็นโขดหินน้อยใหญ่รูปร่างต่าง ๆ ปรากฏเป็นหลักฐานเกี่ยวกับชีวิตผู้คนในอดีตที่น่าสนใจหลายแห่ง ได้แก่ - พระพุทธบาทบัวบก อยู่ในวัดพระพุทธบาทบัวบก สร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2463–2477 บัวบกนี้จะมีอยู่มากในบริเวณที่พบรอยพระพุทธบาท จึงเรียกรอยพระพุทธบาทนี้ว่า "พระพุทธบาทบัวบก" หรือคำว่าบัวบกอาจจะมาจากคำว่า 

“บ่บก” ซึ่งหมายถึง ไม่แห้งแล้ง รอยพระพุทธบาทมีลักษณะเป็นแอ่งลึกลงไปในพื้นหินประมาณ 60 เซนติเมตร ยาว 1.93 เมตร กว้าง 90 เซนติเมตร ภายในพระธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตัวองค์เจดีย์เป็นทรงบัวเหลี่ยมคล้ายองค์พระธาตุพนม มีงานนมัสการพระพุทธบาทบัวบกในวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี - พระพุทธบาทหลังเต่า อยู่ทางด้านทิศใต้ของพระพุทธบาทบัวบก มีลักษณะเป็นรอยพระบาทสลักลงไปในพื้นหิน ลึก ๒๕ เซนติเมตร ใจกลางพระบาทสลักเป็นรูปดอกบัวกลีบแหลมนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และเหตุที่พระพุทธบาทแห่งนี้อยู่ใกล้กับเพิงหินธรรมชาติรูปร่างคล้ายเต่า จึงได้ชื่อว่า “พระพุทธบาทหลังเต่า”

อ่านประวัติเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

ที่มาข้อมูล : รัฐบาล

ที่มารูปภาพ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)