TNN เปิดเหตุผลทำไมสหรัฐฯเผชิญ ‘ทอร์นาโด’ รุนแรงขึ้นทุกปีแถมมาฤดูหนาว

TNN

World

เปิดเหตุผลทำไมสหรัฐฯเผชิญ ‘ทอร์นาโด’ รุนแรงขึ้นทุกปีแถมมาฤดูหนาว

เปิดเหตุผลทำไมสหรัฐฯเผชิญ ‘ทอร์นาโด’ รุนแรงขึ้นทุกปีแถมมาฤดูหนาว

ทัพทอร์นาโดที่ทำลายหลายพื้นที่สหรัฐฯจนเสียหายและเกิดความสูญเสียชีวิตของผู้คนนับร้อย ทำให้เกิดความสงสัยกันว่า เหตุใดจึงมีความรุนแรงขึ้น

ช่วงวันที่ 10-11 ธันวาคมที่ผ่านมา ทอร์นาโดพลังทำลายล้างหลายลูกพัดถล่ม 6 รัฐของสหรัฐฯคือ อาร์คันซอส์ มิสซิสซิปปี้ มิสซูรี่ เคนตั๊กกี้ เทนเนสซี และอิลลินอยส์ จนมีผู้เสียชีวิตเกือบนับร้อย และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างไปหลายร้อยไมล์

ทัพทอร์นาโดพัดถล่มผิดปกติ?

เดอะ คอนเวอร์เซชั่น รายงานว่า มีรายงานทอร์นาโดรวมอย่างน้อย 38 ลูกที่พัดถล่มทั้งหกรัฐ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หน่วยบริการด้านสภาพอากาศของสหรัฐฯ มีการจัดระดับความรุนแรงของทอร์นาโด โดยมีดัชนีชี้วัดความเสียหาย 28 ตัวของ EF โดย EF-5 คือระดับที่รุนแรงสุด ที่มีความเร็วมากกว่า 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นต้นไป

ทางการสหรัฐฯอยู่ระหว่างวัดระดับความรุนแรงของทอร์นาโดทั้งหมด แต่ ณ จนถึงวันที่ 12 ธันวาคม การชี้วัดพบว่า มีทอร์นาโดระดับ EF-3 อย่างน้อยสี่ลูก และ EF-2 ห้าลูก โดยระดับ EF-2 และ EF-3 นั้นถือว่าเป็นพายุที่รุนแรง ด้วยความเร็ว 180 – 251 และ 252 – 329 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามลำดับ

โดยปกติแล้ว ทอร์นาโดส่วนใหญ่ จะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆและเดินทางได้สั้น เฉลี่ยที่ราว 4.8 – 6.4 กิโลเมตร การที่ทอร์นาโดสามารถเคลื่อนที่ไปได้ยาวขึ้น และนานขั้น ระหว่าง 40 – 160 กิโลเมตรนั้นถือว่า ไม่ค่อยเกิดขึ้นนัก คิดเป็นน้อยกว่า 1% ของทอร์นาโดที่เกิดในสหรัฐฯ 

แต่ในครั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ทอร์นาโดลูกหนึ่งสามารถเคลื่อนไปได้ไกลถึง 384 กิโลเมตร ผ่านสี่รัฐ และผู้คนกำลังรอการยืนยันจากหน่วยงานบริการสภาพอากาศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หากเกิดขึ้นจริง จะทอร์นาโดลูกดังกล่าว จะทำลายสถิติของ “Quad-State Tornado ที่เกิดขึ้นในปี 1925 และเคลื่อนไปไกลถึง 350 กิโลเมตร ผ่านสามรัฐ

เปิดเหตุผลทำไมสหรัฐฯเผชิญ ‘ทอร์นาโด’ รุนแรงขึ้นทุกปีแถมมาฤดูหนาว

ทอร์นาโดเปลี่ยนทิศ…

ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ผลการศึกษาพบว่า ในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา เกิดทอร์นาโดถี่ขึ้นในแถบมิดเวสต์และตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ แต่กลับน้อยลงในแถบตอนกลาง และ Great Plains ตอนใต้ ซึ่งแต่เดิมได้ชื่อว่าเป็น “ร่องทอร์นาโด” ผลการศึกษาบางชิ้นยังพบว่า สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง อาจทำให้ร่องทอร์นาโดขยับไปทางตะวันออกมากขึ้น และจะทำให้เกิดทอร์นาโดในพื้นที่ที่มีคนอาศัยหนาแน่น ตามฝั่งตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ดังที่เกิดในครั้งนี้

ทอร์นาโดฤดูหนาวปกติหรือไม่?

ปกติทอร์นาโดจะเกิดขึ้นภายใต้สภาพอากาศเฉพาะเจาะจง แต่หลักๆแล้ว ก่อตัวจากลมร้อนและลมเย็นมาเจอกันและก่อตัวให้เกิดลมหมุน จนทำให้เกิดลำอากาศเป็นเกลียวตั้งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า ฤดูกาลของทอร์นาโดคือฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาใดของปีก็ได้เช่นกัน โดยเฉพาะที่รัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมักเกิดทอร์นาโดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือต้นฤดูหนาว ดังนั้น ทอร์นาโดฤดูหนาว จึงไม่ได้ผิดปกติมากนัก

นอกจากนี้ ทอร์นาโดยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดของวันก็ได้ การเกิดทอร์นาโดในช่วงกลางคืนในแถบตะวันออกเฉียงใต้จึงเป็นเรื่องปกติเช่นกัน เพราะส่วนประกอบของทอร์นาโดนั้นแตกต่างและนำไปสู่การเกิดทอร์นาโดในตอนกลางคืน ได้มากกว่า ทอร์นาโดที่เกิดขึ้น ตามแนวร่องทอร์นาโดในพื้นที่ทางตอนกลางของประเทศ หรือ Great Plains

สหรัฐฯเผชิญทอร์นาโดบ่อย แต่ทำไมยังสูญเสียมาก

โดยปกติแล้ว ศูนย์พยากรณ์อากาศสหรัฐฯ และของท้องถิ่น สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าอย่างแม่นยำ ว่าจะเกิดทอร์นาโดขนาดใหญ่ จึงทำให้สามารถแจ้งเตือนและให้ข้อมูลกับประชาชนเพื่อให้ดูแลความปลอดภัยของตนเองได้ อย่างไรก็ตาม ทอร์นาโดที่เกิดกลางคืนนั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตได้มากกว่า และทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า เพราะผู้คนมักไม่ได้รับข้อมูลเตือนขณะนอนหลับ นอกจากนี้ การสังเกตเห็นพายุในตอนกลางคืนก็ค่อนข้างยาก 

พายุที่มาตอนกลางคืนมักทำอันตรายต่อผู้คนมากกว่า โดยเฉพาะคนที่นอนในบ้านที่ไม่แข็งแรง เช่น รถบ้าน จึงทำให้มีความสูญเสียมากกว่าพายุที่เกิดตอนกลางวัน ที่พวกเขาเหล่านี้ ไปทำงานตามอาคารที่มีความแข็งแรง จึงทำให้ความสูญสัยไม่มากเท่ากลางคืน

ยิ่งไปกว่านั้น การได้รับคำเตือนในช่วงกลางคืนยังเผชิญอุปสรรคด้วย เพราะไฟฟ้าอาจดับ และสัญญาณโทรศัพท์ไม่สามารถใช้การได้ในช่วงที่สภาพอากาศรุนแรง 

มีรายงานว่า ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิต หลังทอร์นาโดถล่มอาคารที่พวกเขาไปพัก แต่หากมีการเตือนที่ทันการณ์ก็จะทำให้พวกเขาสามารถไปอยู่ในอาคารที่ปลอดภัยที่มีฐานรากหรือชั้นใต้ดินที่มั่นคงได้ทัน

สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ต้นเหตทอร์นาโดรุนแรง?

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นักอุตุนิยมวิทยาและนักวิทยาศาสตร์ต่างเตือนมานานแล้ว ว่าจะเกิดสภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้น ทั้งอายุ ไฟป่า และน้ำท่วม ขณะที่ดีอาน คริสเวลล์ หัวหน้าสำนักจัดการภาวะฉุกเฉินกลางของสหรัฐฯ หรือ FEMA กล่าวกับซีเอ็นเอ็นว่า เรื่องนี้กำลังกลายเป็นนิว นอร์มัล ผลกระทบที่เรากำลังได้เห็นจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง คือวิกฤตของคนรุ่นเรา

นอกจากนี้ เธอยังเตือนถึงความท้าทายที่สหรัฐฯกำลังเผชิญ เพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น เพราะสหรัฐฯจะเจอกับพายุที่แรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเฮอร์ริเคน ทอร์นาโด หรือไฟป่าด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า กลุ่มพายุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เหมือนจะเป็นหนึ่งในทัพทอร์นาโดที่ใหญ่สุดของประวัติศาสตร์สหรัฐฯ 

แม้ว่า ไบเดนย้ำว่า ผลกระทบจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงต่อการเกิดทอร์นาโดรอบนี้ยังไม่ชัดเจน แต่พวกเรารู้ดีกว่า ทุกอย่างมันจะรุนแรงขึ้น เมื่ออากาศอุ่นขึ้น 

ขณะที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่ฟันธงอย่างแรงกล้าว่าพายุที่รุนแรงขึ้น เป็นผลมาจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แต่พวกเขาเห็นพ้องว่า หลักฐานกำลังชี้ไปเช่นนั้น จากการศึกษา เช่น ผลรายงานขององค์กรด้านวิทยาศาสตร AGU ระบุว่า อุณหภูมิโลกที่อุ่นขึ้นนั้นจะส่งผลให้เกิดสภาวะที่เอื้อต่อการเกิดสภาพอากาศที่รุนแรงได้

ภาพจาก :  รอยเตอร์

ข่าวแนะนำ