คะแนนนิยม "ไบเดน" ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน หลังตอลิบันยึดอัฟกานิสถาน
ผลสำรวจคะแนนความนิยมของ "โจ ไบเดน" ลดลงระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนนับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ หลังจากกลุ่มตอลิบันยึดอัฟกานิสถานได้สำเร็จ
วันนี้( 18 ส.ค.64) ผลสสำรวจรอยเตอรส์ อิปซอสระบุว่า มีชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่เพียง 46% ที่ยังพอใจ การทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน นับเป็นตัวเลขรายสัปดาห์ที่ต่ำที่สุด ตั้งแต่ไบเดน
เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อเดือน ม.ค. และยังลดลงถึง 7 % จากเดิม 53% ในการสำรวจของเมื่อวันศุกร์ (13 ส.ค.) ที่ผ่านมา
ขณะที่ผลสำรวจของอิปซอสเมื่อวันจันทร์ (16 ส.ค.) พบว่า มีชาวอเมริกันไม่ถึงครึ่งที่เห็นด้วยกับนโยบายด้านการทหารและการทูตต่ออัฟกานิสถานในปีนี้ และไบเดนได้รับคะแนนโหวตยอดแย่
ในบรรดาประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้ง 4 คน ที่เคยคุมสงครามอัฟกานิสถาน
มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 44% ที่คิดว่า ไบเดนจัดการสงครามอัฟกานิสถานได้ดี ขณะที่ยุคของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้รับความพึงพอใจ 51%
ส่วนในยุคของอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งเป็นผู้ออกคำสั่งให้กองทัพสหรัฐฯ บุกอัฟกานิสถานเมื่อปี 2001 มีคะแนนนิยมอยู่ที่ 47%
ผบสำรวจของอิปซอสยังพบว่า ชาวอเมริกัน 75% สนับสนุนให้มีการส่งกองกำลังเสริมเข้าไปช่วยคุ้มกันสถานที่สำคัญในอัฟกานิสถาน จนกว่ากระบวนการถอนทหารจะสิ้นสุดอย่างสมบูรณ์
ขณะที่ชาวอเมริกันจำนวนพอกัน เห็นว่ารัฐบาลควรช่วยอพยพชาวอัฟกันที่เคยทำงานให้กับกองทัพสหรัฐฯ
คำสั่งถอนทหารของ ไบเดน ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังกลุ่มตาลิบันบุกถึงกรุงคาบูล เมืองหลวงอัฟกานิสถานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (15 ส.ค. ) และสามารถยึดอำนาจเอาไว้ได้ ความพ่ายแพ้ของกองกำลังอัฟกานิสถาเท่ากับว่าสงคราม 20 ปี ที่สหรัฐฯ หมดเปลืองงบประมาณไปเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ และคร่าชีวิตทหารอเมริกันไปหลายพันนาย เป็นอันสูญเปล่า
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจระบุว่า ชาวอเมริกันทั้งที่เป็นฐานเสียงรีพับลิกันและเดโมแครต ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า ภาพความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า สหรัฐฯ คิดถูกแล้วที่ถอนตัวออกมา
มีรายงานว่า ประธานาธิบดีไบเดน เดินทางกลับทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร (17 ส.ค.) ท่ามกลางเสียวิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความโกลาหลในอัฟกานิสถาน และยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆต่อสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน
ขณะที่เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ย้ำระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า ความมุ่งมั่นของสหรัฐฯต่อปัญหาของชาติพันธมิตร อย่างไต้หวันและอิสราเอล
ยังคงแข็งแกร่งอย่างที่เคยเป็นมา
ด้านเจน ซากี โฆษกทำเนียบข่าว ระบุว่า สหรัฐฯยืนเคียงข้างพันธมิตรทั่วโลก ท่ามกลางโฆษณาชวนเชื่อจากรัสเซียและจีน โดยให้การกระทำเป็นเครื่่องพิสูจน์
Global Times สื่อทางการจีนรายงานว่า หากเกิดความขัดแย้งในไต้หวัน ทั้งประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินและสหรัฐฯ ต่างจะไม่ต่อสู้กับจีน
บลูมเบิร์กรายงานว่า การเปรียบเทียบระหว่างไต้หวันกับอัฟกานิสถานทำได้ยาก ไต้หวันมีความสุขกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยปราศจากความขัดแย้งภายใน
และกองกำลังสหรัฐฯ ถอนออกไปจากไต้หวันนานกว่า 40 ปี โดยไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น