‘ยิ่งฉาวคนยิ่งชื่นชอบ’ ทำไม ‘ทรัมป์’ คะแนนนิยมถึงพุ่ง หลังถูกดำเนินคดีอาญาหลายครั้ง
แม้ว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ จะถูกศาลสหรัฐฯ สั่งฟ้องดำเนินคดีอาญามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหลายคนมองว่า นี่จะเป็นหนทางการดับฝันสู่เส้นทางประธานาธิบดีของมหาเศรษฐีนักธุรกิจวัย 77 ปีอีกครั้งในปีหน้า และทำให้ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่ถูกสั่งฟ้องในข้อหาอาญา
ถึงกระนั้น การถูกฟ้องในข้อหาต่าง ๆ กลับไม่ได้ทำให้สถานะการเป็นผู้นำสมัครแถวหน้าของพรรครีพับลิกันในการลงชิงชัยเก้าอี้ผู้นำประเทศของทรัมป์ต้องรู้สึกสั่นคลอน แต่กลับกันคะแนนนิยมของเขากลับพุ่งสูงมากขึ้น ยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่ถูกสั่งฟ้อง
---คะแนนนิยม ‘ทรัมป์’ พุ่ง หลังถูกสั่งฟ้อง---
จากข้อมูลบนเว็บไซต์ FiveThirtyEight ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่สำรวจความคิดเห็นในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐศาสตร์ หรือ กีฬา เผยผลสำรวจคะแนนนิยมจากสมาชิกรีพับลิกันที่มีต่อผู้สมัครของพรรค ระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม ทรัมป์มีคะแนนนำเหนือคู่แข่งคนสำคัญอย่าง รอน ดิแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา อยู่ที่ 37 จุด โดยทรัมป์มีคะแนนนิยมอยู่ที่ 53% ส่วนเดอซานติสอยู่ที่ 16%
ขณะที่ บรรดาคู่แข่งคนอื่น ๆ จากพรรคเดียวกัน ไม่มีใครได้คะแนนนิยมเกิน 6% และมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้สมัครมีคะแนนนิยมไม่ถึง 1% ส่วนไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดีในสมัยรัฐบาลทรัมป์มีคะแนนอยู่ที่ 4%
หากย้อนกลับไปเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนที่เขาจะถูกสั่งฟ้องดำเนินคดี ตอนนั้น ทรัมป์มีคะแนนเหนือดิแซนทิสเพียงแค่ 2 จุด คือ 41% ต่อ 39% แต่เมื่อการยื่นฟ้องครั้งแรกของทรัมป์มาถึงในช่วงปลายเดือนมีนาคม มันกลับทำให้คะแนนนิยมของเขาพุ่งสูงขึ้น โดยผลสำรวจ ระบุว่า ทรัมป์เป็นตัวเลือกแรกของสมาชิกรีพับลิกันที่มีสิทธิออกเสียงส่วนใหญ่ ที่จะเลือกให้เขาเป็นตัวแทนของพรรคในการชิงชัยเก้าอี้ประธานาธิบดี นับตั้งแต่เขาถูกตั้งข้อหา และปรากฎตัวที่ศาลครั้งแรก
NBC News เผยผลสำรวจคะแนนนิยมของทรัมป์หลังถูกสั่งฟ้องครั้งแรก ระบุว่า คะแนนนิยมของเขาในเดือนเมษายนอยู่ที่ 46% และเพิ่มขึ้นเป็น 51% หลังถูกสั่งฟ้องเป็นครั้งที่ 2 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
---ทำไมคนถึงยังสนับสนุน ‘ทรัมป์’---
จากข้อมูลของ คลิฟฟอร์ด ยัง ประธานกิจการสาธารณะของสหรัฐฯ แห่งอิปซอส เผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้สนับสนุนของเขาอยู่ที่ประมาณ 40-45% ของสมาชิกพรรครีพับลิกันที่มีสิทธิออกเสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากต่อการทำลายความสัมพันธ์นั้น
“พวกเขามองเห็นโลกผ่านสายตาของเขา...ฐานสนับสนุนของทรัมป์เชื่อว่า เขาถูกทำให้ผิด พวกเขาเชื่อว่า การสั่งฟ้องเป็นแรงจูงใจทางการเมือง” ยัง กล่าว
ต่อมา เมื่อทรัมป์ถูกฟ้องในข้อหาจัดเก็บเอกสารลับของรัฐบาลไว้อย่างผิดกฎหมาย สำนักข่าว BBC ได้พูดคุยกับคณะผู้มีสิทธิออกเสียงของพรรครีพับลิกัน (A panel of Republican voters) เกี่ยวกับมุมมองของพวกเขาที่มีต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์
รอม โซลลีน วัย 61 ปี จากรัฐแอริโซนา กล่าวว่า นี่เป็นวิธีการที่พยายามนำทรัมป์ออกจากเส้นทางการแข่งขันในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่ ลุค กอร์ดอน วัย 21 ปี สมาชิกพรรครีพับลิกัน ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการที่ทรัมป์กลับมาลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ยังมองว่า การส่งฟ้องเหล่านี้ ทำให้เกิดข้อสงสัยบางอย่าง
“มีแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังในการส่งฟ้องร้องดำเนินคดีต่อทรัมป์ และการสืบสวนยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก” กอร์ดอน กล่าว
ผลสำรวจจาก CBS News เมื่อเดือนมิถุนายน ระบุว่า 76% ของสมาชิกรีพับลิกัน ที่มีสิทธิเลือกตั้งขั้นต้น (Primary Voter) มองว่า การสั่งฟ้องในข้อหาจัดเอกสารลับอย่างผิดกฎหมายเป็นแรงจูงใจทางการเมือง, 38% มองว่า การเก็บเอกสารทางทหารและเอกสารนิวเคลียร์หลังทรัมป์พ้นจากตำแหน่ง จะทำให้ความมั่นคงของชาติตกอยู่ในความเสี่ยง, 61% ชี้ว่า การที่ทรัมป์ถูกสั่งฟ้อง ไม่ได้ทำให้มุมมองที่เขามีต่ออดีตประธานาธิบดีเปลี่ยนไป ขณะที่อีก 14% กลับมองทรัมป์ในแง่บวกมากขึ้น
“เรากำลังอยู่ในเรื่องเล่าของ 2 โลกคู่ขนานที่แตกต่างกัน โลกหนึ่ง มองว่า พฤติกรรมของทรัมป์เป็นบุคคลที่ไม่เคารพกฎหมาย ขณะที่ อีกโลกหนึ่งมองว่า เขาคือนักสู้” ยัง กล่าว
---ทรัมป์โดนคดีทั้งหมดแล้วกี่ครั้ง ?---
ณ ตอนนี้ อดีตผู้นำสหรัฐฯ ถูกสั่งฟ้องจำนวนทั้งหมด 3 ครั้ง ในรอบ 4 เดือน โดยครั้งแรกถูกสั่งฟ้องโดยศาลนิวยอร์ก ในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางการเงินในเดือนมีนาคม, ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน ถูกสั่งฟ้องโดยศาลรัฐบาลกลางในข้อหาที่เกี่ยวกับการจัดเก็บเอกสารลับของรัฐบาลไว้อย่างผิดกฎหมาย และขัดขวางการสืบสวน และล่าสุดในวันอังคาร (1 สิงหาคม) ที่ผ่านมา เขาถูกฟ้องเป็นครั้งที่ 3 โดยศาลรัฐบาลกลาง ในข้อหาทำการสมคบคิดพยายามล้มล้างผลเลือกตั้งเมื่อปี 2020
---สมาชิกรีพับลิกันบางส่วนอยากเห็นผู้นำคนใหม่---
แม้ว่าทรัมป์จะได้รับคะแนนเสียงที่ท่วมท้นจากผู้สนับสนุนในพรรคของเขา ขณะเดียวกัน ก็มีสมาชิกบางส่วนที่มองว่า อยากให้พรรครีพับลิกันพิจารณาตัวเลือกคนอื่นแทน โดยผลสำรวจของ NBC New ระบุว่า เกือบครึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 49% ต้องการให้ทรัมป์เป็นผู้นำพรรครีพับลิกัน แต่ 21% กล่าวว่า ถึงเวลาต้องพิจารณาผู้นำคนอื่น ๆ แล้ว แม้ว่าทรัมป์จะเป็นประธานาธิบดีที่เหมาะสม และ 29% ชี้ว่า สมาชิกรีพับลิกันต้องการผู้นำคนใหม่ ที่มีพฤติกรรมส่วนตัวที่ดีกว่านี้ และมีแนวทางที่แตกต่างออกไป
ขณะที่ 50% ของสมาชิกพรรค ที่มีสิทธิเลือกตั้ง ระบุว่า พวกเขาพร้อมเปิดกว้างให้กับผู้นำคนใหม่ที่นอกเหนือจากทรัมป์
---หากทรัมป์ ปะทะ ไบเดนอีกครั้ง---
การที่ทรัมป์ได้รับเสียงสนับสนุนที่เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าตัวเองจะถูกดำเนินคดีต่าง ๆ ทำให้เขามีโอกาสที่จะเป็นผู้ชนะและกลายเป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวที่แข็งแกร่งของพรรครีพับลิกัน ที่จะไปชิงชัยเก้าอี้ประธานาธิดีจาก โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน และตัวแทนผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต และนับได้ว่าจะเป็นการกลับมาพบกันอีกครั้งของเขาทั้ง 2 บนสังเวียนที่จะตัดสินว่าใครจะได้เป็นผู้กุมบังเหียนประเทศมหาอำนาจผู้ยิ่งใหญ่ของโลก
แต่ถึงจะได้รับเสียงคะแนนเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน ไบเดนก็ยังคงมีคะแนนนำทรัมป์อยู่ ผลสำรวจของ Economist-YouGov ชี้ว่า โจ ไบเดนมีคะแนนนิยมอยู่ที่ 44% ขณะที่ ทรัมป์อยู่ที่ 40% ส่วน Morning Consult ระบุว่า พรรคเดโมแครตนำรีพับลิกันอยู่ 2 จุด ที่ 43% ต่อ 41%
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจของ CNN/SSRS ระบุว่า ชาวอเมริกันที่มีสิทธิเลือกตั้งราว 36% ชี้ว่า ไม่มีผู้สมัครคนไหนที่มีความเหมาะสม, 33% ชี้ว่า ไบเดนและทรัมป์เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ขณะที่ 31% มองว่า ทั้งไบเดนและทรัมป์ไม่มีความเหมาะสมจะเป็นผู้นำ ซึ่งตัวเลข 31% ดังกล่าว จะพบว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่าตัวเลข 19% ของความเห็นชาวอเมริกันที่มองว่าฮิลลารี คลินตัน และทรัมป์ ไม่มีความเหมาะสมจะเป็นประธานาธิบดีทั้งคู่ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2016
นอกจากนี้ NBC News รายงานว่า ชาวอเมริกันยังมีความกังวลถึงสุขภาพของคนทั้งคู่ เนื่องจากทั้งไบเดนและทรัมป์ต่างก็มีอายุที่มากขึ้น 68% ชี้ว่า มีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพจิตและสุขภาพกายของไบเดนในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ขณะที่ อีก 32% ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ และ 60% เชื่อว่า เขาจะสามารถได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ส่วนทรัมป์ ชาวอเมริกันมีความกังวลเรื่องสุขภาพจิตและสุขภาพกายของเขาที่ 55% โดย 44% ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากนี้ 58% ยังเชื่อว่า ทรัมป์จะสามารถชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ และกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้อีกครั้ง
—————
แปล-เรียบเรียง: พรวษา ภักตร์ดวงจันทร์
ภาพ: Getty Images
ข้อมูลอ้างอิง: