สิงคโปร์ประหารชีวิต นักโทษหญิงรายแรกในรอบเกือบ 20 ปี

สำนักงานปราบปรามยาเสพติดกลางของสิงคโปร์ ออกแถลงการณ์ระบุว่า สาริเดวี ยามานี ชาวสิงคโปร์ วัย 45 ปี ผู้มีความผิดฐานค้าเฮโรอีน จำนวน 30 กรัม เมื่อปี 2018 ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอแล้วในวันที่ 27 กรกฎาคม แม้ว่าเธอจะพยายามยื่นขออุทธรณ์ลดโทษจากศาล แต่ก็ไม่เป็นผล 

การประหารชีวิตสาริเดวีมีขึ้นหลัง 2 วัน ที่สิงคโปร์ได้ทำการประหารชีวิตนักโทษชายรายหนึ่ง ผู้ซึ่งต้องโทษคดีค้ายาเสพติดเช่นเดียวกันกับเธอ และเธอยังเป็นนักโทษหญิงรายแรกที่ถูกประหารชีวิตในรอบ 19 ปี หลังสิงคโปร์ประหารชีวิตนักโทษหญิงคนล่าสุด ที่ต้องโทษคดีค้ายาเสพติด เมื่อปี 2004 

เคิร์สเตน ฮัน นักเคลื่อนไหวจากองค์กร Transformative Justice Collective กล่าวว่า รัฐบาลสิงคโปร์กำลังประหารชีวิตนักโทษตามลำดับคำตัดสินของศาล ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนว่า พวกเขากำลังเคลียร์จำนวนนักโทษที่ถูกตัดสินโทษประหารชีวิตเมื่อนานมาแล้วให้ลดลง ซึ่งก่อให้เกิดความกลัวและความวิตกกังวลมากมาย ทั้งของตัวนักโทษและครอบครัวนักโทษเอง 

นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 สิงคโปร์ได้ดำเนินการประหารชีวิตนักโทษด้วยการแขวนคอไปแล้วทั้งหมด 15 ราย โดยสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีคดีโทษที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเข้มงวดมากสุดในโลก ซึ่งรัฐบาลชี้ว่า โทษประหารชีวิตเป็นสิ่งที่จำเป็นในการปกป้องสังคม 

ทั้งนี้ กฎหมายของสิงคโปร์ ระบุว่า ผู้ใดมีความผิดฐานค้ากัญชามากกว่า 500 กรัม หรือ เฮโรอีนมากกว่า 15 กรัม จะมีความผิดได้รับโทษประหารชีวิต ขณะที่ องค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่ง วิจารณ์ถึงการใช้โทษประหารชีวิตของสิงคโปร์กับนักโทษคดีค้ายาเสพติดว่า การใช้โทษประหารไม่ได้ช่วยหยุดยั้งการก่ออาชญากรรม และชี้ว่า ผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ เพราะส่วนใหญ่มักถูกรังแก เนื่องจากตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่บีบบังคับ 

ขณะที่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ องค์การนิรโทษกรรมสากล ตั้งข้อสังเกตว่า สิงคโปร์เป็นหนึ่งในสี่ประเทศที่ยังคงดำเนินการใช้โทษประหารชีวิตต่อนักโทษคดีค้ายาเสพติด นอกเหนือจากจีน, อิหร่าน และซาอุดีอาระเบีย 

แต่อย่างไรก็ตาม ทางการสิงคโปร์ก็โต้แย้งว่า กฎหมายยาเสพติดที่เข้มงวดช่วยให้สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยสุดในโลก และโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก็ได้รับการสนับสนุนจากสาธารณชนอย่างกว้างขวาง

ภาพ: Getty Images