'ทรัมป์'ประกาศเตรียมลดค่ายารักษาให้ ‘ถูกที่สุดในโลก’
'โดนัลด์ ทรัมป์'เตรียมประกาศลดค่ายารักษาให้ถูกลงที่สุดเท่าประเทศที่ราคาต่ำเป็นอันดับต้นๆของโลก หลังจากที่อเมริกันชนจ่ายแพงกว่าถึง60-70%
วันนี้ ( 6 ก.ค. 62 )ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศวานนี้ว่ารัฐบาลกำลังเตรียมออกคำสั่งบริหารเพื่อลดราคายาในสหรัฐฯ ให้เหลือเทียบเท่าประเทศที่ค่ายาถูกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยเขาให้สัมภาษณ์สื่อที่สนามหญ้าทางฝั่งใต้ของทำเนียบขาว โดยระบุว่า “เรากำลังเตรียมร่างกฎหมาย เพื่อให้ชาวอเมริกันได้จ่ายพอๆ กับประเทศที่ราคาถูกที่สุด พวกคุณก็ทราบกันดีกว่า ราคายาในประเทศอื่นๆ ถูกกว่าเรา บางทีตั้ง 60-70% และเป็นอย่างนี้มานานหลายปีแล้ว”
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวหาบริษัทยาว่าฉกฉวยประโยชน์จากระบบเช่นนี้มาเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้ราคายาในสหรัฐฯ แพงเกินกว่าประเทศข้างเคียง เช่น แคนาดา เม็กซิโก รวมถึงกลุ่มประเทศยุโรป
“ทำไมประเทศอื่นๆ อย่างแคนาดา ทำไมพวกเขาถึงจ่ายถูกกว่าเรามาก?” ทรัมป์ ตั้งคำถาม พร้อมประกาศว่ารัฐบาลของเขาจะใช้ “คำสั่งบริหาร” เพื่อแก้ไขปัญหานี้
เริ่มตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป สหรัฐฯ จะกำหนดให้บริษัทผู้ผลิตยาต้องเปิดเผยราคายาผ่านการโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์ ซึ่งเป็นมาตรการที่ ทรัมป์ ยกย่องว่าโปร่งใสเป็นประวัติการณ์
อเมริกันชนราวครึ่งหนึ่งทำประกันสุขภาพซึ่งกำหนดวงเงิน deductible (ค่าเสียหายส่วนแรก หรือจำนวนเงินขั้นต้นที่ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบจ่ายต่อแพทย์หรือสถานพยาบาลโดยตรง ก่อนที่บริษัทประกันจะจ่ายส่วนที่เกินให้ต่อไป) หลายพันดอลลาร์สหรัฐ โดยในบางกรณีอาจสูงถึง 5,000-6,000 ดอลลาร์ต่อปี นั่นหมายความว่าคนส่วนใหญ่จะต้องเสียค่ายาเต็มจำนวน จนกว่าจะถึงเกณฑ์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
แม้จะมีแรงกดดันจากประธานาธิบดี ทว่าบริษัทยารายใหญ่อย่างไฟเซอร์ (Pfizer) ยังคงประกาศขึ้นราคายาถึง 41 ชนิดเมื่อเดือน ม.ค. หรือคิดเป็นประมาณ 10% ของยาทั้งหมดที่บริษัทผลิต ไฟเซอร์และผู้ผลิตยารายอื่นๆ ต่างเผชิญปัญหาสินค้าทำเงินของบริษัทบางตัวสูญเสียการคุ้มครองด้านสิทธิบัตร และให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการค้นคว้าวิจัย และพัฒนาตัวยาใหม่ ๆ