มหันตภัยร้ายของเกาหลีเหนือ หวั่นคุมโควิดไม่อยู่ ผู้เสียชีวิตมหาศาล
โควิด-19 อาจทำให้เกาหลีเหนือเผชิญมหันตภัยร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
เกือบ 2 ปีครึ่ง ที่เกาหลีเหนือยังคงอ้างมาตลอดว่า ไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เลย แต่ในสัปดาห์นี้ เกาหลีเหนือยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายแรก และประกาศปิดพรมแดนทันทีเพื่อรับมือกับการระบาด แม้ว่าแทบไม่มีคนเชื่อเลยว่า ในช่วงที่ผ่านมา เกาหลีเหนือสามารถบริหารจัดการจนรอดพ้นจากไวรัสได้
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลไม่เพียงแต่ยอมรับการระบาดของไวรัสเท่านั้น แต่ยังประกาศรับมือเต็มรูปแบบเพื่อควบคุมไวรัสร้าย โดยคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดโสมแดง เรียกการระบาดครั้งนี้ว่า “ความวุ่นวายครั้งใหญ่ที่สุด” ที่เกิดขึ้นในประเทศ ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศกันเลย มาตรการล็อกดาวน์ หรือปิดเมืองถูกนำมาบังคับใช้
ทั้งนี้ แทบไม่มีที่ไหนในโลกใบนี้ รอดพ้นจากไวรัสโควิด แม้แต่ค่ายที่พักบนเทือกเขาเอเวอเรสต์ และบริเวณชั้วโลกใต้ แอนตาร์กติกา โควิดก็ไปถึง ส่วนการรับมือของประเทศต่าง ๆ ก็มีหลากหลายวิธีการ แต่ส่วนใหญ่แล้วเน้นโครงการฉีดวัคซีน, การตรวจหาเชื้อ, การเว้นระยะห่างทางสังคม และจำกัดการเดินทาง
การระบาดใหญ่ของไวรัสโควิดในเกาหลีเหนือจะคลี่คลายได้อย่างไร มีแนวโน้มว่าจะยังมืดมน เมื่อพิจารณาจากความลึกลับซับซ้อนของประเทศนี้
ผู้เชี่ยวชาญคนหนี่ง ให้สัมภาษณ์ BBC ว่า กลัวเหลือเกินว่า โควิดอาจเป็นหายนะที่นั่น มีความกังวลจริง ๆ ว่า จะมีคนเสียชีวิตจำนวนมาก
ความท้าทายใหญ่หลวงที่เกาหลีเหนือกำลังเผชิญ คือการขาดอาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการต่อสู้กับโควิด ประชาชนชาวเกาหลีเหนือไม่ได้ฉีดวัคซีน ไม่มีภูมิคุ้มกัน จึงกลัวว่าจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และอาการป่วยรุนแรง
นอกจากนี้ การตรวจหาเชื้อก็อยู่ในวงจำกัดมาก องค์การอนามัยโลก หรือ WHO แถลงว่า เกาหลีเหนือได้ทำการตรวจหาเชื้อประมาณ 64,000 ครั้ง ตั้งแต่เริ่มการระบาดของไวรัส ส่วนในเกาหลีใต้ ซึ่งการตรวจหาเชื้อและการติดตามถือเป็นยุทธศาสตร์ในการรับมือโควิด มีการตรวจหาเชื้อกแล้วประมาณ 172 ล้านครั้ง
ข้อมูลแข็ง (Hard Data) ซึ่งเป็นข้อมูลที่แท้จริง, สามารถตอบได้จริง และชัดเจน ถือเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญมากสำหรับทุกรัฐบาล แต่จำนวนผู้ติดเชื้อในเกาหลีเหนือ ยังคลุมเครือ สื่อรัฐบาลรายงานในวันเสาร์ (14 พฤษภาคม) ที่ผ่านมาว่า มีผู้เป็นไข้ที่ไม่สามารถอธิบายได้ประมาณ 500,000 คน ซึ่งเท่ากับเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากในการระบุจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด และการบ่งชี้ถึงขนาดของการระบาดที่เกาหลีเหนือกำลังเผชิญ
และแม้แต่ในประเทศร่ำรวย ไวรัสโควิดยังก่อให้เกิดความวิตกกังวลว่า ระบบสาธารณสุขอาจถูกเล่นงานจนล่มสลายได้ เกาหลีเหนือจึงตกอยู่ในความเสี่ยงเป็นพิเศษ
กลุ่มสังเกตการณ์เกาหลีเหนือ กล่าวว่า ระบบการรักษาพยาบาลในเกาหลีเหนือค่อนข้างย่ำแย่ เป็นระบบที่เสื่อมโทรมมาก นอกจากประชาชน 2 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเปียงยางแล้ว คนส่วนใหญ่ของประเทศต่างเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพต่ำทั้งสิ้น
ผู้แปรพักตร์พูดถึงการใช้ขวดเบียร์เป็นที่เก็บของเหลวที่จะฉีดเข้าเส้นเลือดดำในการรักษาผู้ป่วย หรือการนำเข็มฉีดยากลับมาใช้ใหม่จนกว่าจะเป็นสนิม จึงจินตนาการได้ว่า หลายสิ่งหลายอย่างเช่นหน้ากากอนามัย หรือน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ จะมีอย่างจำกัดขนาดไหน
เนื่องจากไม่มีการรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนในวงกว้าง เกาหลีเหนือจึงหันไปใช้มาตรการป้องกันโควิดที่สำคัญเพียงอย่างเดียว คือ ล็อกดาวน์ หรือการจำกัดพื้นที่ คาดว่ากองทัพจะเข้มงวดต่อการเคลื่อนไหวของประชาชนมากขึ้น
คิม จองอึน กล่าวว่า เกาหลีเหนือจะ “เรียนรู้อย่างจริงจัง” จากวิธีการรับมือโควิดของรัฐบาลจีน ขณะเดียวกัน ขณะนี้ ประเทศส่วนใหญ่ใช้นโยบายใช้ชีวิตอยู่กับโควิด แต่จีนยังยึดมั่นอย่างเคร่งครัดต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะขุดรากถอนโคนโควิด
หลายเมืองใหญ่ ซึ่งรวมทั้งนครเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางทางการเงินของประเทศ ยังอยู่ภายใต้คำสั่ง “พักอยู่ที่บ้าน” หรือ stay-at-home
ผลกระทบที่ตามมา คือชาวเซี่ยงไฮ้เริ่มแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขา, การขาดแคลนอาหารและการดูแลรักษาที่ย่ำแย่ แต่การวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาล แทบไม่เคยเกิดขึ้นในจีน
หากเกาหลีเหนือใช้มาตรการจำกัดพื้นที่เช่นเดียวกับที่จีนใช้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า สถานการณ์ด้านอาหารอาจเลวร้ายยิ่งกว่ามาก อีกทั้งมาตรการดังกล่าว อาจไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ “โอมิครอน”
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ให้ดูตัวอย่างความยากลำบากขนาดไหนในเซี่ยงไฮ้ ในการหยุดการระบาดของโอมิครอน และทำทุกอย่างแล้วเท่าที่พวกเขาคิดได้ในการป้องกันการระบาดของไวรัส สำหรับในเกาหลีเหนือแล้ว คิดว่ามันยากจริง ๆ ที่จะหยุดการระบาดของโควิด จึงมีความกังวลมาก ๆ ในจุดนี้
นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังมีปัญหาเกี่ยวกับการผลิตอาหารที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน เกาหลีเหนือเผชิญกับความอดอยากอย่างหนักระหว่างทศวรรษที่ 1990 จนถึงปัจจุบัน โดยโครงการอาหารโลก หรือ WFP ประเมินว่า มีประชาชน 11 ล้านคนจาก 25 ล้านคนทั่วประเทศ ขาดสารอาหาร
วิธีการทำฟาร์มที่ล้าสมัย ทำให้การเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวพืชผลสำเร็จได้ยาก หากคนงานเกษตรไม่สามารถดูแลพืชผลทางการเกษตรในทุ่งได้ ปัญหาใหญ่ก็รออยู่ข้างหน้า
ความช่วยเหลือยังพอมี หากเกาหลีเหนือจะยอมรับมัน
ก่อนหน้านี้ ทั้งจีนและ WHO ได้เสนอความช่วยเหลือให้เกาหลีเหนือ ในรูปแบบของวัคซีน แต่ทางการเกาหลีเหนือปฏิเสธความช่วยเหลือดังกล่าว กระนั้นก็ตาม การกล่าวถึงจีนของคิม จอง อึน อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนใจก็ได้
โอเวน มิลเลอร์ อาจารย์สอนเกาหลีศึกษาที่มหาวิทยาลัย SOAS ของลอนดอนกล่าวว่า เขาสงสัยว่าเกาหลีเหนือต้องการความช่วยเหลือจากจีนอย่างยิ่ง และจีนก็จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่” ลำดับความสำคัญของจีนคือการรักษาเสถียรภาพของเกาหลีเหนือเอาไว้ แต่เกาหลีเหนืออาจไม่ต้องการความช่วยจากภายนอกอื่น ๆ ซึ่งจะหมายถึงการย้อนรอยไปในช่วงทศวรรษที่ 1990 ที่มีหน่วยงานความช่วยเหลือต่าง ๆ จำนวนมาก แห่เข้าไปในเกาหลีเหนือ ซึ่งมันจะเป็นความไม่มั่นคงอย่างมากสำหรับรัฐบาลในการจัดการกับการสังเกตการณ์บนดินแดนของตนเอง
ในขณะนี้ ยังไม่มีวี่แววว่า แม้ว่าเกาหลีเหนือจะอยู่ในช่วงวิกฤตด้านสุขภาพ แล้วจะเปลี่ยนแนวทางไปสู่ความสัมพันธ์กับโลกภายนอก
สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ เตือนว่า เกาหลีเหนืออาจทำการทดลองนิวเคลียร์อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่บรรดาผู้สังเกตการณ์ด้านเกาหลีเหนือ กล่าวว่า อาจเป็นวิธีการเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชน
ปีเตอร์โฮเตซ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนที่ US National School of Tropical Midicine ของมหาวิทยาลัย Baylor College of Medicine กล่าวว่า จริง ๆ แล้ว พวกเขามีทางเลือกเดียวเท่านั้น คือต้องมีวิธีจัดหาวัคซีนและฉีดวัคซีนให้ประชาชนโดยเร็ว โลกพร้อมยื่นมือช่วยเกาหลีเหนืออยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ต้องเติมใจที่จะอ้าแขนรับความช่วยเหลือนั้นด้วย
ล่าสุด สำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานในวันอังคารที่ 17 พฤษภาคมว่า เกาหลีเหนือได้ระดมกำลังทหารแจกจ่ายยารักษาโควิด-19 และส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกว่า 10,000 คน ไปช่วยติดตามผู้ป่วยที่มีแนวโน้มว่าจะติดเชื้อ
สำนักงานป้องกันโรคระบาดฉุกเฉินของเกาหลีเหนือ รายงานว่า มีผู้มีอาการเป็นไข้เพิ่มอีก 269,510 คน รวมผู้ที่มีอาการป่วยแล้วทั้งสิ้น 1,483,060 คน ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจนถึงช่วงเย็นวันจันทร์ อยู่ที่ 56 คน แต่ KCNA ไม่ได้รายงานว่า มีประชาชนตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดแล้วจำนวนเท่าไหร่
—————
แปล-เรียบเรียง: ส้นติ สร้างนอก
ภาพ: STR / KCNA VIA KNS / AFP