"ยูนซอกยอล" ผู้สมัครจากฝ่ายค้านคว้าชัยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้
ยูน ซอกยอล อดีตอัยการสูงสุด จากพรรคฝ่ายค้านแนวอนุรักษ์นิยมของเกาหลีใต้ คว้าชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี
วันนี้ (10 มี.ค.65) นายยูน ซอกยอล (Yoon Suk Yeol) อดีตอัยการสูงสุด ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากฝ่ายค้านแนวอนุรักษ์นิยมของเกาหลีใต้ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นการแข่งขันที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองเกาหลีใต้ เตรียมดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ในเอเชีย เป็นเวลา 5 ปี
นายยูน เอาชนะ นายอีแจมยอง อดีตผู้ว่าการจังหวัดคย็องกี ตัวแทนสายเสรีนิยม ในการเลือกตั้งที่หาเสียงแบบสาดโคลนจนถูกกล่าวว่า เป็นการเลือกตั้งที่น่าเกลียดที่สุดในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยของเกาหลีใต้
จากผลการลงคะแนนที่นับไปถึงร้อยละ 98 นายยูนมีคะแนนนำนายอี 260,000 คะแนน และในเวลา 04.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายอีประกาศยอมรับความพ่ายแพ้
นายยูนจะได้เป็นผู้นำของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 10 ของโลก และลำดับที่ 4 ของเอเชีย ในช่วงที่เกาหลีใต้เผชิญความแตกแยกทางสังคมและความท้าทายทางเศรษฐกิจ โดยเขาจะดำรงตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมต่อจาก ประธานาธิบดีมูน แจอิน ที่ไม่สามารถดำรงตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่สองตามข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญ
ในด้านนโยบายต่างประเทศ นายยูนจะใช้จุดยืนที่แข็งกร้าวขึ้นต่อเกาหลีเหนือ ที่ทดสอบขีปนาวุธมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เช่นเดียวกับจีนที่เป็นหุ้นส่วนการค้าที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ นายยูนยังรับปากด้วยว่า จะพัฒนาความสัมพันธ์ของเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมของเกาหลีใต้ และจะให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ เป็นลำดับต้น ๆ
นายยูน วัย 61 ปี ได้รับความสนใจจากการที่เขาเป็นผู้นำการสืบสวน อดีตประธานาธิบดีปาร์คกึนเฮ ที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่งเมื่อปีค.ศ. 2017 และถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานทุจริต โดยเธอเป็นผู้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มอนุรักษ์นิยม และเป็นลูกสาวของอดีตผู้นำเผด็จการทหารปาร์คจุงฮี ที่ถูกลอบสังหาร
นักวิเคราะห์ระบุว่า ชัยชนะของนายยูนอาจช่วยประสานรอยร้าวในกลุ่มอนุรักษ์นิยม ที่มีความเห็นต่างกันมากขึ้นหลังมีการถอดถอนอดีตประธานาธิบดีปาร์ค
อย่างไรก็ตาม นายยูนอาจเผชิญข้อจำกัดจากการที่พรรคประชาธิปไตยแห่งเกาหลี ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้าย ครองเสียงข้างมากในสภา และนายยูนจะมีเวลาเพียงสองปีเท่านั้นก่อนจะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ทำให้เขาอาจดำเนินนโยบายได้ไม่มากนัก
ภาพจาก AFP