ทำไมกบฏฮูตีถึงเปิดศึกกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
กลุ่มกบฎฮูตียิงขีปนาวุธโจมตีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อีกแล้ว แต่ยับยั้งได้ โดยการโจมตีมีขึ้นขณะที่ประธานาธิบดีอิสราเอลเดินทางเยือน UAE ด้วย ทำไม UAE ตกเป็นเป้าโจมตีต่อเนื่อง
กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE ระบุว่า สามารถยังยั้งขีปนาวุธที่ยิงมาจากกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมนได้ และขีปนาวุธได้ถูกทำลาย ไปตกในพื้นที่ที่ไม่มีคนอยู่อาศัย แต่ไม่มีการยืนยันว่าขีปนาวุธแบบนำวิถีดังกล่าวนั้น มีเป้าหมายโจมตีกรุงอาบีดาบี หรือนครดูไบ ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจและท่องเที่ยวของตะวันออกกลาง
หน่วยงานการบินพลเรือนของ UAE ระบุว่า การจราจรทางอาการศของยูเออียังคงดำเนินการตามปกติ และเที่ยวบินต่าง ๆ ก็ยังคงทำการบินอยู่แม้จะมีการโจมตีก็ตาม
UAE เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยซาอุดิอาระเบีย ในการสู้รบต้านกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมน ที่มีอิหร่านหนุนหลังมานานกว่าเจ็ดปีแล้ว ขณะที่การยิงขีปนาวุธของกลุ่มฮูตีเกิดขึ้นระหว่างที่ประธานาธิบดีไอแซค เฮอร์ซอก แห่งอิสราเอล อยู่ระหว่างการเดินทางเยือน UAE เป็นครั้งแรก
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา กลุ่มกบฎฮูตียิงขีปนาวุธโจมตี UAE จนทำให้มีผู้เสียชีวิตสามราย และยิงโจมตีอีกครั้งในวันจันทร์ (31 มกราคม) ขณะที่กระทรวงกลาโหมของ UAE ระบุว่า เครื่องบินรบของกองทัพของฝ่ายพันธมิตรสามารถทำลายเครื่องยิงขีปนาวุธของกลุ่มฮูตีได้หลายชิ้น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อัยการของ UAE ได้เรียกผู้คนหลายคนมาพบ กรณีเผยแพร่ภาพวีดีโอที่ระบบป้องกันทางอากาศของ UAE สามารถยับยั้งขีปนาวุธของกลุ่มฮูตีได้ ดังนั้น ในการยับยั้งขีปนาวุธรอบล่าสุด จึงยังไม่มีการเผยแพร่ภาพปฏิบัติการออกมาทางสื่อสังคมออนไลน์
---อิสราเอลสนับสนุนความมั่นคงของ UAE---
ประธานาธิบดีไอแซค เฮอร์ซอก แห่งอิสราเอล ได้หารือถึงเรื่องความมั่นคงและความสัมพันธ์ทวิภาคีกับเจ้าชายชีคโมฮัมเหม็ด บิน ซาเอ็ด อัล นาห์ยาน มกุฏราชกุมารแห่งอาบูดาบี ผู้ปกครองโดยพฤตินัยของ UAE
เขาเผยว่า อิสราเอลสนับสนุนความมั่นคงของ UAE และแสวงหาความสัมพันธ์แข็งแกร่งของภูมิภาค พร้อมทั้งประณามการโจมตีอธิปไตยของ UAE ในทุกรูปแบบ
ก่อนหน้านี้ UAE พร้อมด้วยบาห์เรน ลงนามข้อตกลงสถาปนาความสัมพันธ์ขั้นปกติกับอิสราเอล ที่มีการเรียกขานว่า Abraham Accords ที่ทำเนียบขาวเมื่อปี 2020 ซึ่งสหรัฐฯให้การสนับสนุน โดย UAE และ บาห์เรน สองชาติอ่าวอาหรับกับ อิสราเอล มีความวิตกเหมือนกันเกี่ยวกับอิหร่าน และกองกำลังพันธมิตรในภูมิภาค
ด้านชีคโมฮัมเหม็ด กล่าวว่า อิสราเอล และ UAE ได้แลกเปลี่ยนมุมมองของภัยคุกคามต่อเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยคุกคามจากกลุ่มติดอาวุธและผู้ก่อการร้าย
---ทำไมฮูตีพุ่งเป้าโจมตี UAE---
แม้ UAE จะสามารถยับยั้งขีปนาวุธของกลุ่มฮูตีได้ทุกลูก แต่การโจมตีได้เกิดความเสียหายต่อ UAE ซึ่งได้สร้างชื่อเสียงจากการเป็นจุดหมายปลานทางด้านธุรกิจที่ปลอดภัย การเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศมีการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นครดูไบยังมีสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และ 80% ของประชากรใน UAE ล้วนเป็นคนต่างชาติที่เข้ามาพำนักและทำงานใน UAE ทั้งนั้นเช่น มีชาวอินเดียถึง 3.5 ล้านคน พำนักใน UAE ขณะนี้ และการโจมตีรอบแรกของกลุ่มฮูตี ทำให้มีชาวอินเดียเสียชีวิตสองคน และชาวปากีสถานหนึ่งคน
ในขณะที่ UAE ได้ลงทุนมหาศาลเพื่อการเป็นเจ้าภาพ World Expo 2020 ในนครดูไบขณะนี้ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและดึงดูดนักท่องเที่ยวในยุคหลังโควิด ดังนั้น หากกลุ่มกบฎฮูตียังคงเดินหน้าโจมตียูเออีอย่างต่อเนื่อง แผนการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของ UAE ก็จะเผชิญอุปสรรค
ทั้งนี้ สงครามในเยเมน เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2004 เมื่อกลุ่มกบฎฮูตีนิกายชีอะห์ ที่มีอิหร่านหนุนหลัง สู้รบต่อต้านรัฐบาลเยเมนซึ่งเป็นนิกายสุหนี่ และในปี 2014 กุลุ่มฮูตีสามารถยึดกรุงซานา เมืองหลวงไว้ได้ และขยายไปยังเมืองเอเดน ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางการค้าได้ ทำให้ซาอุดิอาระเบีย นำทัพชาติพันธมิตรอาหรับ ซึ่งรวมถึง UAE เริ่มการโจมตีเพื่อปราบกลุ่มฮูตี
อย่างไรก็ตาม ในปี 2019 UAE ถอนทหารภาคพื้นดินออกจากเยเมน และสนับสนุนกองกำลังฝ่ายรัฐบาลเยเมนอย่างจำกัด แต่ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กองกำลังเหล่านั้น เริ่มรุกคืบถองกำลังฮูตีได้ ทำให้มีการวิเคราะห์กันว่า การโจมตี UAE ของกลุ่มฮูตีนั้นมีเป้าหมายเพื่อกดดัน UAE ให้ถอนการสนับสนุนกองกำลังต่าง ๆ
ขณะที่ UAE ได้เรียกร้องให้สหรัฐฯกลับมาขึ้นบัญชีให้กลุ่มฮูตีเป็นองค์กรก่อการร้าย ซึ่งเป็นแนวทางที่บรรดาองค์ระหว่างประเทศเห็นค้าน เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมใน UAE เลวร้ายลงกว่าเดิม และทำให้ความช่วยเหลือเข้าถึงได้ยาก
ก่อนหน้านี้ เมื่อปีที่แล้ว สหรัฐฯ เอาชื่อกลุ่มฮูตีออกจากบัญชีผู้ก่อการร้าย หลังสหรัฐฯ ตัดสินใจยุติปฏิบัติการร่วมกับกองทัพที่นำโดยซาอุดิอาระเบียอย่างเป็นทางการ แต่ดูเหมือนว่า การเจรจาทางการทูตยังคงล้มเหลว ทำให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังพิจารณาเรื่องนี้ใหม่
—————
แปล-เรียบเรียง: ธันย์ชนก จงยศยิ่ง
ภาพ: MOHAMMED HUWAIS / AFP