หุ้นเด่นวันนี้! 5 โบรกสแกน 14 หุ้นน่าช้อป เน้น Selective Buy TNN WEALTH
หุ้นน่าซื้อวันที่ 15 พ.ย. 2565 โบรกมองหุ้นไทยวันนี้แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,615-1,630 จุด กลยุทธ์การลงทุนเน้นการเข้าเก็งกำไรแบบ Selective Buy สำหรับหุ้นที่รายงานผลประกอบการดีกว่าคาดการณ์และมีแนวโน้มทิศทางการฟื้นตัวที่โดดเด่น เคาะ 14 หุ้นน่าลงทุน
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลกวานนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในลักษณะพักฐาน หลังการปรับตัวขึ้นจากการเก็งกำไรต่อแนวทางการผ่อนคลายการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed หลังรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ต.ค. 65 ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วที่ออกมาต่ำกว่าคาด
อย่างไรก็ตาม การแถลงของคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ วานนี้กล่าวถึงการคงเป้าหมายหลักในการสกัดลดเงินเฟ้อให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ด้วยการดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวส่งผลให้เกิดความผันผวนในการคาดกาณ์อัตราดอกเบี้ยของ Fed Fund Futures ที่ปรับเพิ่มความน่าจะเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% ในการประชุม FOMC 2 ครั้งถัดไป ขณะที่คาดการณ์จุดพีคของอัตราดอกเบี้ยถูกปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากเดิมที่ 4.75-5.00% เป็น 5.00-5.25%
สำหรับปัจจัยข้างต้นส่งผลให้ Dollar Index เกิดการรีบาวน์สูงขึ้นเล็กน้อยเป็น 106.95 จุด ในทิศทางเดียวกับ U.S. 2Y & 10Y Bond Yield ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.40% และ 3.87% ตามลำดับ กดดันการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์เสี่ยงวานนี้
อย่างไรก็ตาม Highlight สำคัญของสัปดาห์ที่ตลาดจับตามองคือการแถลงของประธาน Fed สาขา St. Louis ในช่วงคืนวันที่ 17 พ.ย. คาดเห็นความชัดเจนของแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed ในระยะถัดไปซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงปลายสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า
ด้านปัจจัยมหภาคทางด้านรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศวานนี้ การเจรจานอกรอบระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประธานาธิบดีจีนก่อนการประชุม G-20 สะท้อนแนวโน้มการผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างทั้ง 2 ประเทศผ่านการกลับมาเจรจาในปัจจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการปลดหนี้
รวมถึงปัจจัยด้านสุขภาพและความมั่นคงทางอาหาร ส่งผลให้เกิดการรีบาวน์ของหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ คาดประเด็นดังกล่าวยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง หากความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ มีพัฒนาการที่ดีขึ้นจะช่วยลดความเสี่ยงต่อปัจจัยเชิงภูมิรัฐศาสตร์ และการคว่ำบาตรทางด้านห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจะนำไปสู่การฟื้นตัวของสภาวะเศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคเอเชียในลำดับถัดไป
อย่างไรก็ตาม คาดทิศทางการเคลื่อนไหวของ SET Index วันนี้เป็นลักษณะ Sideways ในกรอบ 1,615-1,630 จุด กลยุทธ์การลงทุนเน้นการเข้าเก็งกำไรแบบ Selective Buy สำหรับหุ้นที่รายงานผลประกอบการดีกว่าคาดการณ์และมีแนวโน้มทิศทางการฟื้นตัวที่โดดเด่น
หุ้นเด่นตัวแรกคือ CPALL รายงานกำไรปกติ 3Q65 ที่ 3.8 พันลบ. เติบโต +159% YoY และ +24% QoQ ดีกว่าที่เราและตลาดคาดสูงถึง 20% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด ดังนั้น เราคาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสตอบรับเชิงบวก
แนวโน้มผลประกอบการ 4Q65 คาดเติบโตทั้ง YoY จากการเข้าสู่ High Season ของธุรกิจ นอกจากนั้นปีนี้ยังได้แรงหนุนจากการจัดงานเทศกาลบอลโลกช่วยหนุนให้มีความคึกคักมากขึ้น เราคาดว่ากำไรปี 2566 เติบโตเด่น +38% YoY เป็น 1.76 หมื่นลบ.
หุ้นเด่นถัดมาคือ GPSC สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แถลงผลการคำนวณปรับขึ้นค่า Ft เดือน ม.ค.- เม.ย. 2566 จากอัตราปัจจุบันที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 158.31 สตางค์ หรือ 191.64 สตางค์ หรือ 224.98 สตางค์ ซึ่งทั้ง 3 กรณีสูงกว่าคาดการณ์ของเราและตลาด
รอผลสรุปและประกาศอย่างเป็นทางการของภาครัฐฯในช่วงต้นเดือน ธ.ค. แต่ในกรณีที่ปรับขึ้นในอัตราต่ำสุดเป็น 158.31 สตางค์ต่อหน่วย ก็ยังดีกว่าคาดของเรา ดังนั้น จึงมี Upside Risk ต่อประมาณการกำไรปี 2566 ขณะที่แนวโน้มกำไร 4Q65 คาดฟื้นตัว QoQ และเป็นจุดสูงสุดรายไตรมาสของปี 2565
หุ้นเด่นอีกตัวคือ AH รายงานกำไรสุทธิ 3Q65 ที่ 609 ลบ. เพิ่มขึ้น +160% YoY และ +49% QoQ และกำไรปกติที่ 434 ลบ. เพิ่มขึ้น +243% YoY และ +54% QoQ ดีกว่าคาดของเราถึง 32% จากรายได้ที่ดีกว่าคาดราว 10% และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในโปรตุเกสที่ดีกว่าคาด
แนวโน้มกำไร 4Q65 คาดดีขึ้นต่อเนื่อง YoY หลังสถานการณ์ขาดแคลนชิพคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น ผลจากงบ 3Q65 ที่ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น 20% เป็น 1.4 พันลบ. (+75% YoY) และปี 2566 ขึ้น 14% เป็น 1.5 พันลบ. (+8% YoY
หุ้นเด่นสุดท้าย คือ MAKRO ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 37.00 บาท แนวรับ 35.00 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 34.00 บาทแนวโน้มกำไร 4Q65 คาดเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากการเข้าสู่ High Season ของธุรกิจ และปี 2566 คาดกำไรเติบโต +60% YoY เป็น 1.39 หมื่นลบ. จากการฟื้นตัวเต็มปีของภาคบริโภค และค่าใช้จ่ายจากการรวม Lotus ลดลง
บล.เอเซียพลัส SET Index ปรับฐานตามคาด แต่ภาพรวมของปัจจัยแวดล้อมดูไม่น่ากังวล โดย แรงหนุนหลักของตลาดหุ้นไทยเป็นเรื่องของการฟื้นตัวเศรษฐกิจปี 2565 –2566 ที่ สวนทางหลายประเทศที่ชะลอตัวไปจนถึง Recession ตัวเลขล่าสุดที่ยืนยันภาพ การฟื้นตัวคือ FDI ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สถานะดังกล่าวทำให้เงินบาทยัง แข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งจะหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้าต่อในระยะต่อไป
สำหรับปัจจัย ในต่างประเทศที่มีเคยมีความกังวลเรื่อง เงินเฟ้อ และ การปรับขึ้นดอกเบี้ยแรง สถานการณ์ในปัจจุบันเริ่มผ่อนคลาย เฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ Fed ที่คาดว่าการ ประชุมรอบเดือน ธ.ค.65 จะเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ส่วนปี 2566 ทั้งปีคาด ว่าจะปรับขึ้นอีกไม่เกิน 0.75% สำหรับกำไร 3Q65 ของบริษัทจดทะเบียนล่าสุด ประกาศออกมาแล้วราว 80% ของ Market Cap มีกำไรราว 2.07 แสนล้านบาท SET Index ปรับฐานตามคาด จากนี้ไปเชื่อว่า Downside จำกัด ประเมินกรอบการ เคลื่อนไหววันนี้ช่วง 1,613 – 1,636 จุด หุ้นที่เลือกเป็น Top Pick วันนี้ได้แก่ COM7, CRC และ GULF
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,610 จุด และแนวต้าน
1,630 จุด เน้นหุ้นคาดแนวโน้มกำไรดี
โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ JMT คาดแนวโน้มกำไร 4Q65 จะเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่จากการเก็บเงินสด (cashcollection)ที่ยังทำได้ดีมาก และส่วนแบ่งกำไรจากJK ที่จะรับรู้เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรกผสานกับการรับโอนก้อนหนี้อีก 2 หมื่นล้านบาท จะหนุนให้ JKมีพัฒนาการที่ดีต่อเนื่องเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 103 บาท
หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ AH รายงานกำไรสุทธิ 3Q65 ทำจุดสูงสุดใหม่ ที่ 601 ล้านบาท(+47%QOQ,+156%YoY) มากกว่าเราคาด +35% แรงหนุนจากยอดขายที่เติบโตดี
ผสานคำสั่งซื้อใหม่จาก FORD อีกทั้งแนวโน้มกำไรขั้นต้นเพิ่มสู่ 11.1% ขณะที่Valuation อยู่ในระดับที่ถูกโดยเทรดเพียง PE 6.8 เท่าเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 35 บาท
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET พักตัว โดยดัชนีเผชิญแรงขายทำกำไร หลังปรับขึ้นมาต่อเนื่องก่อนหน้านี้ หลังจบช่วงรายงานผลการดำเนินงาน Q3/65 รวมถึงหลักเกณฑ์การควบคุมการเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก สร้าง Sentiment ลบ ด้านดัชนีมีแนวรับที่ 1,614 และ 1,607 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนจำกัดที่แนวต้าน 1,630-1,640 จุด
หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ - ERW (ราคาเป้าหมาย IAA consensus 4.77 บ.) 3Q65 ผลประกอบการออกมาดีเกินคาด ขณะที่ 4Q65 มองผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น YoY และ QoQ จากเข้าสู่ high season ซึ่งคาดช่วยหนุนราคาหุ้นยังมีโมเมนตัมปรับขึ้นต่อได้
หุ้นเด่นอีกตัวคือ - CRC (ราคาเป้าหมาย 46.00 บ.) 3Q65 ผลประกอบการออกมาดีตามคาด ส่วนกำไรปกติ 4Q65 คาดจะเติบโต YoY แรงหนุนจากยอดขายปลีก รายได้จากการให้เช่า และมาร์จิ้นที่ดีขึ้น และ QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
ขณะที่ บล.กสิกรไทย มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,618-1,630 จุด โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ 3 ตัวคือ GPSC ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 67.25 บาท เป้าหมาย 74 บาท หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ COM7 ราคาปัจจุบัน 31 บาท ราคาเป้าหมาย 34.25 บาท และหุ้นเด่นตัวสุดท้ายคือ STA ราคาปัจจุบัน 20.10 บาท ราคาเป้าหมาย 22 บาท
ศึกษาการลงทุนเพิ่มเติมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คลิกที่นี่
ที่มา : บล.หยวนต้า, บล.เอเซียพลัส, บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย), บล.ไทยพาณิชย์ ,บล.กสิกรไทย
ภาพประกอบข่าว : AFP, TNN Online,