"ทรัมป์" โวย "เฟด" กดดันลดดอกเบี้ย มั่นใจกำแพงภาษีไม่กระทบเงินเฟ้อ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมุมมองดังกล่าวสวนทางกับเฟด ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดกำลังประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการที่ปธน.ทรัมป์ผลักดันการใช้มาตรการภาษีศุลกากร

"ทรัมป์" โวย "เฟด" กดดันลดดอกเบี้ย มั่นใจกำแพงภาษีไม่กระทบเงินเฟ้อ

สรุปข่าว

เฟดมองว่ามาตรการภาษีศุลกากรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เฟดปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อนั้นมาจากมาตรการภาษีศุลกากร ซึ่งการที่ปธน.ทรัมป์ใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศต่าง ๆ จะส่งผลให้เฟดเผชิญกับความล่าช้าในการบรรลุเป้าหมายการสร้างเสถียรภาพด้านเงินเฟ้อ

"จะดีกว่ามากหากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ เริ่มเปลี่ยนผ่าน (ผ่อนคลาย!) เข้าสู่เศรษฐกิจ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง วันที่ 2 เม.ย.คือวันแห่งการปลดปล่อยในอเมริกา!!!" ทรัมป์โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม Truth Social

การโพสต์ข้อความของปธน.ทรัมป์ในคืนวันพุธ (19 มี.ค.) มีขึ้นในขณะที่คณะบริหารของเขากำลังเตรียมประกาศใช้มาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับบางประเทศในวันที่ 2 เม.ย.นี้ แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะใช้กับประเทศใดบ้างและจะเรียกเก็บภาษีในอัตราเท่าใด

คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25% - 4.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธตามคาด อย่างไรก็ดี เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปีนี้

นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ลงสู่ระดับ 1.7% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.1% และปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ สู่ระดับ 2.8% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.5%

เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวถึงมาตรการภาษีศุลกากรในระหว่างการแถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เฟดปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อนั้นมาจากมาตรการภาษีศุลกากร พร้อมกับกล่าวว่าการที่ปธน.ทรัมป์ใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศต่าง ๆ นั้น จะส่งผลให้เฟดเผชิญกับความล่าช้าในการบรรลุเป้าหมายการสร้างเสถียรภาพด้านเงินเฟ้อ

ที่มาข้อมูล : ข่าวต่างประเทศ

ที่มารูปภาพ : TNN

avatar

มงคล เกษตรเวทิน