ซีพีเอฟเดินหน้าปั๊มรายได้ธุรกิจใหม่ เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารกัญชง
โบรกมองแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ในปีนี้อยู่ระดับสูงส่งผลดีต่อหุ้น CPF พร้อมรับรู้กำไรบริษัทร่วมเต็มที่-เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจใหม่ เล็งพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารกัญชง
น.ส.นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ปี 2564 ยังอยู่ในระดับสูง แม้ราคาหมูเฉลี่ยอ่อนลง y-y แต่เกินจุดคุ้มทุนมากกว่า 20% ขึ้นไป อีกทั้งสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรหรือASF สายพันธุ์ไหม่ในจีนทำให้แนวโน้มราคาหมูอาจไม่อ่อนลงมากนัก ขณะที่ราคาหมูในเวียดนามคาดจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันเนื่องจากคนเลี้ยงทั้งในจีนและเวียดนามมากกว่า 70% เป็นผู้เลี้ยงรายย่อยทำให้การขยายกำลังการผลิตทำได้จำกัด
ส่วนไก่คาดว่าแนวโน้มราคาอาจปรับขึ้นได้ยากจากปริมาณการเลี้ยงที่ยังสูง ขณะที่แนวโน้มราคาวัตถุดิบหลักทั้งข้าวโพดและกากถั่วเหลืองคาดจะปรับขึ้นราว 5-10% และคาดจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการเลี้ยงโดยเฉพาะไก่ราว 3-5%
ทั้งนี้ปี 2564 คาดการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมจะดีขึ้นอย่างมีนัยจาก 1. รับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มปีจาก บริษัท ที่ดำเนินธุรกิจหมูในจีน (CTI) ที่ยังได้ผลบวกจากราคาหมูที่อยู่ในระดับสูง
2. คาดการดำเนินงานจากหมูในแคนาดา (Hylife) คาดยังดีจากราคาขายที่ดี อีกทั้งมีการขยายกำลังการผลิตเท่าตัว 3. การดำเนินงานจาก CPALL คาดเพิ่มขึ้นแต่คงไม่มากนักเนื่องจาจะมีดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มจากการซื้อซื้อโลตัสเข้ามาลดทอนลง และ 4. รับรู้กำไรจากโลตัสเข้ามาเต็มปีถือหุ้นอยู่ 20%
สำหรับการดำเนินงานปี 2564 ทางฝ่ายคาดยังเพิ่มขึ้นจากราคาเนื้อสัตว์ที่เกินกว่าจุดคุ้มทุนทั้งในไทย และต่างประเทศ โดยเฉพาะราคาหมู อีกทั้งบริษัทขยายกำลังการผลิตหมูในจีนจาก 4 ล้านตัวต่อปีเป็น 7ล้านตัวต่อปี ส่วนเวียดนามจาก 6 ล้านตัวต่อปี เป็น 7 ล้านตัวต่อปี ส่วนธุรกิจไก่คาดว่าอาจยังไม่ดีนักจากต้นทุนการเลี้ยงเพิ่มขึ้นแต่คาดจะได้ส่วนชดเชยจากปริมาณขายเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและส่งออกหลังการเปิดประเทศ เช่นเดียวกับธุรกิจสัตว์น้ำที่คาดว่าจะฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์เช่นกัน
ทางฝ่ายคาดยอดขายลดลง 492,957 ล้านบาทลดลง 16% y-y หลังปรับโครงสร้างการถือหุ้น CPP ทำให้ไม่มีการวมงบเข้ามา และคาด margin ลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยลดลง แต่คาดรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ร่วมเพิ่มขึ้น 136% จากการรับรู้ CTI และโลตัสเข้ามา ขณะที่ CPALLและ Hylife ดีขึ้น ประมาณการกำไรสุทธิ 27,631 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 69 y-y เนื่องจากปีก่อนมีรายการพิเศษจากการรวมธุรกิจเข้ามามาก
นอกจากนี้บริษัท จะเริ่มขายสินค้ากลุ่ม plant-based ตั้งแต่พ.ค.เป็นต้นไปสำหรับตลาดในประเทศ และจะเริ่มส่งออกในเดือน มิ.ย. นี้ ขณะที่ธุรกิจกัญชงนั้นทาง CPF ได้เซ็น MOU ร่วมกับมหาวิท ยาลัยแม่โจ้ และสถาบันอื่น ๆ ในการพัฒนาการผลิตและผลิตภัณฑ์อาหารจากกัญชง คาดว่าจะเริ่มในกลุ่มอาหารกล่องก่อน ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนของราชการอีกครั้ง ทางฝ่ายมองว่าจากศักยภาพและสินทรัพย์ของบริษัททำให้ CPF เป็นอีก บริษัท ที่มีความพร้อมที่จะทำธุรกิจกัญชงแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำในการปลูกกัญชงจนถึงสินค้าสำเร็จรูปได้
แม้อาจมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานบ้าง แต่หากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ร่วมที่จะมีนัยต่อการดำเนินงานยังหนุนให้กำไรปี 64 ยังเติบโตได้ ขณะที่การลงทุนในธุรกิจกัญชงมองมีความพร้อมไม่น้อยกว่าผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ในอุดสาหกรรมและราคาหุ้นยังไม่สะท้อนปัจจัยดังกล่าวหากเทียบกับรายอื่น ๆ ทางฝ่ายคงแนะนำ "ซื้อ" ปรับราคาพื้นฐานเป็น 39 บาท