กกร.จี้แบงก์ชาติดูแลบาทแข็งค่าหวั่นกระทบส่งออก
กกร.จี้แบงก์ชาติดูแลบาทแข็งค่าหวั่นกระทบส่งออก คาดน้ำท่วมทุบเศรษฐกิจพัง 5 หมื่นล้าน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่าที่ประชุมประเมินค่าเงินบาทในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว 12% หรือคิดเป็น 4.50 บาท จาก 36.8 บาท มาอยู่ที่ 32.3 บาท/เหรียญสหรัฐ
เป็นการแข็งค่ากว่าค่าเงินอื่นในภูมิภาค กดดันการส่งออกและเป็นปัจจัยลบต่อความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหารที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก ซึ่งหากค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี อาจกระทบรายได้ส่งออก 1.8-2.5 แสนล้านบาท
“กกร.มีความกังวลต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ควรให้ความสำคัญกับการดูแลค่าเงินไม่ให้แข็งค่าหรือผันผวนเร็วจนเกินไป และทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าระดับ 34.0-34.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่ธุรกิจแข่งขันได้"
ทั้งนี้ขอให้เร่งพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างน้อย 0.25% ภายในปีนี้ และอีกประมาณ 0.25-0.5% ภายในปีหน้า ช่วยลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว และให้พิจารณาทบทวนกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ที่กำลังอยู่ในช่วงหารือร่วมกับกระทรวงการคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับบริบทศักยภาพและโครงสร้างของเศรษฐกิจประเทศทั้งปัจจุบันและอนาคต
ขณะเดียวกันยังต้องติดตามผลกระทบจากอุทกภัยและแนวโน้มพายุลูกใหม่ที่อาจเข้าไทยอีกในช่วงไตรมาส 4/2567 ซึ่งคาดว่าน้ำท่วมรอบนี้จะทำให้เกิดความเสียหายราว 3-5 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 0.2% ของจีดีพี โดยภาคเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด จากสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจขยายวงกว้างมากขึ้น
โดยต้องรอติดตามส่วนของการเยียวยาและมาตรการที่เข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องในการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้มีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา รวมถึงแรงสนับสนุนจากภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน กกร.จึงยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะยังสามารถขยายตัวได้ในกรอบ 2.2-2.7%
.
ข่าวแนะนำ