‘ของมันต้องมี’ พฤติกรรมเสี่ยง Gen Z ก่อหนี้ในระบบพุ่ง 1.1 ล้านล้านบาท

น.ส.วรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์ก่อหนี้คนรุ่นใหม่ (คนอายุ 20-29 ปี) ว่า จากข้อมูลเครดิตบูโร พบคนรุ่นใหม่มีหนี้ในระบบรวม 1.1 ล้านล้านบาท เทียบเป็น 6.6% ของ GDP เพิ่มขึ้นจากปี 56 ถึง 46.6%

จากการสำรวจของสภาพัฒน์ ร่วมกับบริษัทศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ  หรือ SAB ในประเด็นแนวโน้มพฤติกรรมการใช้จ่ายแบบ ‘ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง หรือ Buy Now Pay Later ’  พบว่า 50% ของกลุ่ม Gen Z (15-27 ปี) มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท เป็นกลุ่มที่ใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง มากที่สุด และส่วนใหญ่มักใช้จ่ายไปกับสินค้าจำพวกเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับ สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมเสี่ยงของเด็กรุ่นใหม่ที่อาจก่อหนี้เกินตัว

น.ส.วรวรรณ ระบุอีกว่า การก่อหนี้ในคนรุ่นใหม่ ส่วนหนึ่งเกิดจากค่านิยม และทัศนคติใช้จ่ายเพื่อความสุขความพอใจให้กับตนเอง ‘ของมันต้องมี’ ขณะเดียวกัน นิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (E-commerce) ซึ่งทำให้จับจ่ายใช้สอยได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นในอนาคต

ทางด้านมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการออมเงินและการใช้จ่ายของเด็กรุ่นใหม่ (Gen Z) จำนวน 802 ตัวอย่าง (ทั่วประเทศ) วันที่สำรวจ 6 - 15 ม.ค. 67 ซึ่งส่วนใหญ่กำลังศึกษาถึง 92.4% ส่วนอีก 5.8% ทั้งศึกษาและทำงาน และ 1.9% ทำงานแล้ว พบว่า 65% ไม่มีทั้งการออมและการลงทุน

อย่างไรก็ดี พบว่า 58.2% มีค่าใช้จ่ายเท่ากับรายได้ และอีก 24.7% ค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้ ซึ่งในส่วนของกลุ่มที่มีรายจ่ายมากกว่า จะแก้ไขปัญหาด้วยการขอเงินผู้ปกครอง ยืมเงินเพื่อน ทำงานพิเศษ ขายสินทรัพย์ส่วนตัว กู้ยืมทั้งใน และนอกระบบ ส่งผลให้มีหนี้นอกระบบเฉลี่ยคนละ 10,708 บาท และในระบบ รวมกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เฉลี่ย 41,185 บาท

ภาพจาก: AFP