พลังงานแสงอาทิตย์บูม! สหรัฐฯ ติดตั้งแผงโซลาร์ไตรมาสแรก เพิ่มขึ้นร้อยละ 47

รายงานของบริษัทวิจัยวู้ด แมคเคนซีย์ และสมาคมอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy Industries Association-SEIA) ระบุว่า สหรัฐฯ ติดตั้งแผงโซลาร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 47 ในไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากการผ่อนคลายกฎระเบียบเรื่องการนำเข้าที่บรรเทาการหยุดชะงักของอุตสาหกรรม รวมถึงช่วยให้โครงการขนาดใหญ่ที่หยุดชะงักกลับมาดำเนินการจนแล้วเสร็จและเชื่อมต่อกับระบบสายส่งไฟฟ้า

อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ทำผลงานไตรมาสแรกที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยติดตั้งแผงโซลาร์ 6.1 กิกะวัตต์ (GW) ซึ่งเพียงพอสำหรับจ่ายไฟให้กับครัวเรือนมากกว่า 1 ล้านหลัง

การติดตั้งดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 54 ของกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ของสหรัฐฯ ในไตรมาสแรก ซึ่งรัฐฟลอริดามีการติดตั้งแผงโซลาร์ใหม่มากกว่ารัฐอื่นๆ

ผลจากการติดตั้งแผงโซลาร์ที่แข็งแกร่งในไตรมาสแรก สมาคมอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ได้เพิ่มการคาดการณ์ตลอดทั้งปีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จาก 28.4 กิกะวัตต์ เป็น 29 กิกะวัตต์ 

โครงการขนาดใหญ่ด้านสาธารณูปโภคและลูกค้ารายใหญ่อื่นๆ เป็นผู้นำการติดตั้งแผงโซลาร์คิดเป็น 3.8 กิกะวัตต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 66 จากปีก่อนหน้า ซึ่งการเติบโตดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการพลิกกลับที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรม หลังจากต้องดิ้นรนกับอุปทานที่ตึงตัวจากการนำเข้าแผงโซลาร์อย่างจำกัด เนื่องจากการใช้กฎหมายเพื่อยุติการนำเข้าสินค้าที่บังคับใช้แรงงาน 

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญการชะลอตัวในหลายรัฐ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และคาดว่าการติดตั้งแผงโซลาร์ในที่อยู่อาศัยจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 8 ในปีนี้

รายงานคาดว่า อุตสาหกรรมนี้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากแรงจูงใจด้านพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อฉบับใหม่ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งคาดว่าอัตราการเติบโตจะอยู่ในระดับต่ำระหว่างปี 2567-2571 โดยมีการติดตั้งเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากระดับปัจจุบันภายในปี 2572 

ที่มาภาพ : TNN ONLINE

ที่มาข้อมูล : TNN