TNN กกร.ผวา! “ค่าไฟฟ้าแพง ดอกเบี้ยสูง ค่าจ้างขึ้น” ดันต้นทุนเพิ่ม

TNN

Wealth

กกร.ผวา! “ค่าไฟฟ้าแพง ดอกเบี้ยสูง ค่าจ้างขึ้น” ดันต้นทุนเพิ่ม

กกร.ผวา! “ค่าไฟฟ้าแพง ดอกเบี้ยสูง ค่าจ้างขึ้น” ดันต้นทุนเพิ่ม

กกร. กังวลต้นทุนภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นจาก “ค่าไฟฟ้าแพง ดอกเบี้ยสูง ขึ้นค่าจ้าง” พร้อมเร่งหารือแบง์ชาติ กับ กระทรวงคลัง ปมเงินนำส่ง FIDF ลดแรงกดดันดอกเบี้ยขาขึ้น

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วยสมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมกกร. มีความกังวลในเรื่องต้นทุนของภาคธุรกิจ ที่จะเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า จากปัจจัยเหล่านี้ คือ

1.การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเป็น 4.72 บาทต่อหน่วย ที่จะมีผลบังคับใช้ ในรอบเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 จะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน และต้นทุนการประกอบการ โดยภาคอุตสาหกรรมมีต้นทุนค่าไฟฟ้าเฉลี่ยร้อยละ 20 - 30 ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด และในส่วนของภาคบริการ เช่น ธุรกิจโรงแรม มีต้นทุนค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเกือบร้อยละ 30 ของต้นทุนทั้งหมด 

2.การปรับขึ้นค่าธรรมเนียม หรือเงินนำส่ง FIDF (กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 ที่จะส่งผ่านไปยังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้สูงขึ้น ภายใต้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 

ทั้งนี้ การจ่ายค่า FIDF นั้น ปัจจุบันได้รับการลดหย่อนที่ร้อยละ 0.23 จากอัตราเดิมที่ร้อยละ 0.46 จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2566 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยกับกระทรวงการคลังถึงแนวทางที่เหมาะสม 

3.ต้นทุนด้านแรงงาน จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่มีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ตั้งแต่ 8-22 บาทต่อวัน ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 และรวมถึงการขาดแคลนแรงงานที่เป็นปัญหาสำคัญของภาคธุรกิจ ซึ่งต้นทุนที่สูงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของภาคธุรกิจที่ยังมีความเปราะบาง

ที่ประชุม กกร.จึงขอเสนอให้ภาครัฐพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบ โดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า ขอให้ทยอยการปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าออกเป็น 2 ระยะ แทนการปรับขึ้นครั้งเดียว 

เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบของประชาชนและผู้ประกอบการจากวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งควรรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน ที่ได้รับผลกระทบ

นอกจากนี้ กกร.ยังประเมินว่า เศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงที่จะชะลอตัวกว่าที่คาด เห็นได้จากประมาณการเติบโตของจีดีพีในประเทศสำคัญๆทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และจีน ถูกปรับลดลง 

อย่างไรก็ดี ที่ประชุม กกร.ประเมินเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้จากการเปิดประเทศ และการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศที่ตามมา แต่จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ตลาดต่างประเทศอย่างใกล้ชิดขึ้น 

โดยที่ประชุม กกร.ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 ซึ่งจะขยายตัวได้ในกรอบร้อยละ 2.75- 3.5 ขณะที่มูลค่าการส่งออกคาดว่ายังขยายตัวได้ในกรอบร้อยละ 6.0 -8.0 และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบร้อยละ 5.5 - 7.0 และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2565 มีโอกาสแตะระดับ 9 - 10 ล้านคน

ข้อมูลจาก : TNN ONLINE

ภาพจาก : TNN

ข่าวแนะนำ