เงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่ง ดันราคาทองคำนิวไฮรอบ 14 เดือน
ราคาทองคำใน-นอกประเทศผันผวนหนัก หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่งกระฉูดแตะสูงสุดรอบ 31 ปี หนุนทองคำแท่งนิวไฮรอบ 14 เดือน ชี้แนวโน้มมีโอกาสแตะ 30,000 บาท
ราคาทองคำในสัปดาห์ก่อนหน้าผันผวนหนัก หลังจากราคา Bitcoin ร่วงลงไปกว่า 7,000 ดอลลาร์อย่างรวดเร็ว จากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 69,000 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่กลัวว่าเงินดอลลาร์นั้นจะสูญเสียมูลค่าเนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อ
ด้านตลาดหุ้นในฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ก็ร่วงหนักเช่นกัน จากแรงกดดันของตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่พุ่งขึ้น ซึ่งหนุนให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้น
จากผลกระทบดังกล่าวดันราคาทองตลาดโลก ในวันที่ 11 พ.ย. แตะที่ 1,858.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศพุ่งแรงด้วยเช่นกัน โดยภายในวันเดียวทองคำปรับขึ้น 8 ครั้ง รวมเป็นเงิน 650 บาท หนุนให้ราคาทองคำแท่งซื้อบาทละ 28,850 บาท ขายออกบาทละ 28,950 บาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 14 เดือน ส่วนทองรูปพรรณ ซื้อบาทละ 28,334 บาท และขายออกบาทละ 29,450 บาท
สำหรับแนวโน้มทิศทางทองคำหลังจากนี้ไปจะมีโอกาสทะยานไปมากกว่านี้หรือไม่ และราคาทองคำในประเทศจะขึ้นไปแตะที่ระดับ 30,000 บาท ตามที่นักเก็งกำไรหลายคนคาดหวังหรือไม่นั้น TNN ONLINE ได้สัมภาษณ์ น.ส.เบญจมา มาอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ซึ่งให้มุมมองว่า ราคาทองคำจะดีดตัวแรงไปกว่านี้มากน้อยแค่ไหนนั้น ต้องจับตาดูนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด แบ่งออกเป็น 2 กรณี โดยกรณี แรก ถ้าเฟดปล่อยให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นโดยไม่มีนโยบายชัดเจนในการปรับขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้ทองคำปรับขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนกรณีที่สอง เฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ยชัดเจน จะทำให้ทองคำปรับตัวขึ้นจำกัด ซึ่งต้องรอดูผลการประชุมเฟดในเดือนธ.ค.นี้ และรายงาน DOT PLOT หรือการคาดการณ์การปรับดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต ซึ่งจะเป็นตัวชี้ทิศทางราคาทองคำในระยะต่อไป
ทั้งนี้หากราคาทองคำในประเทศจะแตะระดับ 30,000 บาทได้นั้น ราคาทองคำในตลาดโลกจะต้องอยู่ที่ระดับราคา 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ค่าเงินบาทจะต้องแตะที่ระดับ 33.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพราะถ้าดูที่ราคาทองโลกตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ยังติดลบอยู่ 2% สวนทางกับทองคำในประเทศที่ปรับขึ้น 7% ซึ่งเป็นผลมาจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง 9% ตั้งแต่ต้นปี
จากการเหวี่ยงตัวของราคาในช่วงที่ผ่านมา และระดับราคาในปัจจุบันที่ถือว่าขึ้นมาอยู่สูงมากแล้วนั้น ทำให้ความเสี่ยงและความผันผวนของการลงทุนในทองคำ จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
ดังนั้นก่อนที่จะลงทุนทองคำในรูปแบบต่างๆ นักลงทุนจะต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน และที่สำคัญ ต้องเข้าใจในสไตล์การลงทุนของตัวเองด้วยว่า ต้องการลงทุนระยะสั้นหรือยาว รับความผันผวนของราคาได้มากน้อยแค่ไหน เพราะขึ้นชื่อว่าการลงทุน ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ แม้แต่ทองคำ ที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ก็ไม่มีข้อยกเว้น....
ที่มา :น.ส.เบญจมา มาอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ภาพประกอบ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด