TNN ถอดบทเรียน ไฟไหม้บ้าน สจ.สุพรรณบุรี ครอบครัวหนีไม่ทัน เสียชีวิตทั้งหมด

TNN

TNN Exclusive

ถอดบทเรียน ไฟไหม้บ้าน สจ.สุพรรณบุรี ครอบครัวหนีไม่ทัน เสียชีวิตทั้งหมด

ถอดบทเรียน ไฟไหม้บ้าน สจ.สุพรรณบุรี ครอบครัวหนีไม่ทัน เสียชีวิตทั้งหมด

ไฟไหม้บ้าน ส.จ.สุพรรณบุรี เกิดเหตุสลด ครอบครัว 4 ชีวิตเสียชีวิตในกองเพลิง เหตุการณ์สะเทือนขวัญชาวสุพรรณบุรี

4 ชีวิตดับในกองเพลิง: โศกนาฏกรรมครอบครัวผู้สมัคร ส.อบจ.สุพรรณบุรี


ความเงียบสงัดยามเช้าตรู่ของเมืองสุพรรณบุรีถูกทำลายลง เมื่อเสียงไซเรนรถดับเพลิงกว่า 10 คันแล่นฝ่าความมืดมุ่งหน้าสู่ตึกแถวกลางเมืองในเวลา 05.25 น. ของวันที่ 11 มกราคม 2568 หลังได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ 3 คูหา บริเวณสี่แยกนางพิม ถนนพระพันวษา 


เปลวเพลิงและควันดำพวยพุ่งออกมาจากร้านขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ต้องทุบกุญแจและงัดประตูเหล็กดัดเพื่อเข้าไปควบคุมสถานการณ์ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี นายวิริยะ ฉันทดิลก พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงเร่งรุดมาควบคุมสถานการณ์


นายเอกพันธุ์ อินทร์ใจเอื้อ นายกเทศมนตรีเมืองสุพรรณบุรี พยายามติดต่อเจ้าของบ้านแต่ไม่สำเร็จ ขณะที่นายพูลศักดิ์ รุ่งโรจน์ชัยพร วัย 78 ปี บิดาของเจ้าของบ้าน มาถึงที่เกิดเหตุด้วยอาการช็อก พูดเพียงสั้นๆ ว่าไม่รู้ว่ามีใครอยู่ในบ้านหรือไม่


หลังควบคุมเพลิงได้ในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ความจริงอันโหดร้ายก็ปรากฏ เมื่อพบศพ 4 ราย เป็นครอบครัวของนายภูษิต รุ่งโรจน์ชัยพร อายุ 52 ปี อดีต สจ.เมืองสุพรรณบุรีและผู้สมัคร ส.อบจ.สุพรรณบุรี เขต 1 พร้อมภรรยา นางกนกวรรณ อายุ 49 ปี และบุตร 2 คน คือนายธีรวัฒน์ อายุ 26 ปี และน.ส.วรสิริ อายุ 24 ปี


จุดที่พบศพสะท้อนความพยายามหนีไฟของผู้เสียชีวิต โดยพบศพนายภูษิตที่บริเวณบันไดชั้น 2 ส่วนภรรยาและบุตรทั้งสองเสียชีวิตที่ชั้น 3 บริเวณประตูหนีไฟ เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงเปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตอาจติดกับดักเหล็กดัด ไม่สามารถหนีขึ้นไปยังดาดฟ้าได้


นางวาสนา มาตรศรี อดีต สจ.อู่ทอง เพื่อนสนิทของครอบครัว เล่าว่าได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อทั้งนายภูษิตและภรรยาระหว่างเดินทางมาที่เกิดเหตุ แต่โทรศัพท์ของนายภูษิตแม้จะติดแต่ไม่มีผู้รับสาย ส่วนโทรศัพท์ของภรรยาเหมือนแบตเตอรี่หมด


เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ต้นเพลิงน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ชั้นล่าง ซึ่งมีอุปกรณ์ไฟฟ้าและวัสดุก่อสร้างจำนวนมาก ก่อนลุกลามอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกประมาณ 2 วัน เนื่องจากโครงสร้างอาคารยังไม่ปลอดภัยพอที่จะเข้าไปตรวจสอบ ทางการได้ส่งศพผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายไปพิสูจน์อัตลักษณ์ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ


เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของจังหวัดสุพรรณบุรี และเป็นเครื่องเตือนใจถึงความสำคัญของการมีระบบป้องกันอัคคีภัยและช่องทางหนีไฟที่เหมาะสมในอาคารที่พักอาศัย


ภาพ  ผู้สื่อข่าวสุพรรณบุรี 

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง