"หนี้นอกระบบ" วิกฤตร้ายที่บีบคั้นสังคมไทย เมื่อชีวิตติดกับดักดอกเบี้ยโหด
ไรเดอร์กู้เงิน 1.5 หมื่นบาท ถูกทวงหนี้โหด 2 แสน! เปิดโปง 3 กลโกงเงินกู้นอกระบบ รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา ตั้งเป้ากวาดล้างใน 3 ปี
"หนี้นอกระบบ" วิกฤตร้ายที่บีบคั้นสังคมไทย เมื่อชีวิตติดกับดักดอกเบี้ยโหด
ปัญหาหนี้นอกระบบในสังคมไทยกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนผ่านกรณีล่าสุดของนายเมฆ อายุ 28 ปี พนักงานส่งอาหาร ที่ต้องเข้าร้องทุกข์กับเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกเจ้าหนี้นอกระบบส่งคนมาทำร้ายร่างกาย เพียงเพราะขอลดยอดการส่งดอกเบี้ยลงเนื่องจากภรรยาเพิ่งคลอดลูก ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยเรื่องราวเริ่มต้นจากการกู้เงินเพียง 15,000 บาท แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 60 ต่อเดือน คิดเป็นเงินวันละ 300 บาท หรือเดือนละ 9,000 บาท จนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 2 ปี รวมเป็นเงินที่จ่ายไปแล้วกว่า 200,000 บาท
หมวกกันน็อค - ขายฝาก - ออนไลน์ กับดักหนี้ที่คุณต้องระวัง
จากการรวบรวมข้อมูลของศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กรมสืบสวนคดีพิเศษ พบว่าในช่วงปี 2561-2562 มีผู้ร้องเรียนปัญหาหนี้นอกระบบผ่านสายด่วน 4444 สูงถึง 4,748 ราย โดยพื้นที่ที่มีการร้องเรียนมากที่สุดคือภาคกลาง จำนวน 1,926 ราย รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 766 ราย ภาคเหนือ 516 ราย ภาคใต้ 449 ราย และภาคตะวันออก 414 ราย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ มีผู้ร้องเรียนสูงถึง 663 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้ร้องเรียนที่ไม่ระบุจังหวัดอีก 677 ราย
ปัจจุบันพบว่ากลโกงของแก๊งหนี้นอกระบบมี 3 ประเภทหลักๆ ประเภทแรกคือ "แก๊งหมวกกันน็อค" ที่มักปล่อยเงินกู้รายวันโดยไม่มีการทำสัญญา แต่ใช้วิธียึดบัตรประชาชนหรือบัตรเครดิตเป็นประกัน กลุ่มนี้มักกระจายตัวอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยหลายแก๊งมีแหล่งเงินทุนจากทุนใหญ่เจ้าเดียวกัน กลโกงที่น่ากลัวของแก๊งนี้คือการคิด "ดอกลอย" และการ "ล้มต้น" เช่น ให้กู้ 50,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน เท่ากับเดือนละ 5,000 บาท แต่ให้ลูกหนี้ส่งแต่ดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ โดยไม่หักเงินต้น ทำให้หลายคนต้องติดอยู่ในวงจรหนี้ไม่รู้จบ
ประเภทที่สองคือกลุ่มนายทุนที่ทำสัญญาแบบเอาเปรียบ มักมีเป้าหมายเป็นเกษตรกรที่มีที่ดินทำกิน แต่เดิมนิยมทำสัญญาขายฝากที่มีระยะเวลาไถ่ถอนสั้น ทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนได้ทัน ที่ดินซึ่งมีมูลค่ามากกว่าเงินกู้หลายเท่าจึงตกเป็นของเจ้าหนี้ แม้ภาครัฐจะออกพระราชบัญญัติขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมาควบคุม แต่เจ้าหนี้ก็เปลี่ยนมาใช้วิธีให้ "โอนที่ดิน" แทน โดยทำสัญญาจะซื้อจะขายควบคู่ ทำให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตกเป็นของเจ้าหนี้โดยสมบูรณ์ตั้งแต่วันแรก
ประเภทที่สามคือเงินกู้ออนไลน์ ที่มักมีกลุ่มเป้าหมายเป็นแม่ค้าออนไลน์ พนักงานบริษัท และนักศึกษา โดยเฉพาะกับกลุ่มแม่ค้าออนไลน์ จะใช้วิธี "ตั้งวงแชร์" มีเจ้าหนี้เป็น "เท้าแชร์" หากลูกแชร์ขาดส่ง ก็จะชักชวนให้ไปลงแชร์วงใหม่เพื่อนำเงินมาส่งวงเก่า ทำให้หนี้สินพอกพูน นอกจากนี้ยังมีการทวงหนี้ผ่านการประจานหน้า Facebook หรือติดต่อคนใกล้ชิดของลูกหนี้
ความน่ากลัวของหนี้นอกระบบไม่ได้จำกัดอยู่แค่ดอกเบี้ยที่สูงลิบ แต่ยังรวมถึงวิธีการทวงหนี้ที่โหดร้าย ทั้งการข่มขู่ คุกคาม ทำร้ายร่างกาย และประจานให้อับอาย เช่นกรณีของนายเมฆที่ถูกชกที่ใบหน้าถึงสองครั้ง จนต้องเข้าแจ้งความและขอความช่วยเหลือ เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและครอบครัว
กับดักเงินกู้ เส้นทางสู่หายนะ
ในการแก้ปัญหา รัฐบาลได้จัดตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาหนี้นอกระบบระดับชาติ ประกอบด้วยหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสรรพากร โดยตั้งเป้าจะกวาดล้างปัญหาให้หมดไปภายใน 3 ปี พร้อมทั้งเปิดช่องทางให้ประชาชนสามารถร้องเรียนผ่านหน่วยงานต่างๆ เช่น ศูนย์ดำรงธรรม สายด่วน 1567 ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สายด่วน 1359 และศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม
อัยการดำริ เฉลิมวงศ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ จากสำนักคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เปิดเผยว่า การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่การส่งเสริมให้ลูกหนี้เบี้ยวหนี้ แต่เป็นการ "จัดระเบียบเจ้าหนี้" เพราะเกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยของสังคม จากข้อมูลการร้องเรียนพบว่า มีการกู้เงินจริงประมาณ 40 ล้านบาท แต่หนี้ตามเอกสารสูงถึง 140 ล้านบาท ส่วนที่เกินมา 100 ล้านบาทนั้นเป็นการ "ทำนาบนหลังคน" โดยใช้กระบวนการยุติธรรมฟอกให้เป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่า การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากการป้องกันไม่ให้ประชาชนต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบตั้งแต่แรก ผ่านการส่งเสริมการออม การวางแผนการเงิน และการเพิ่มช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบที่มีดอกเบี้ยต่ำและเงื่อนไขที่เป็นธรรม รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับอันตรายของหนี้นอกระบบ เพื่อตัดวงจรอุบาทว์ที่กำลังทำร้ายสังคมไทยอยู่ในขณะนี้
ภาพ : Freepik
อ้างอิง
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ข้อมูลสถิติจากศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กรมสืบสวนคดีพิเศษ ที่รวบรวมสถิติการร้องเรียนผ่านสายด่วน 4444 ในช่วงปี 2561-2562
ธนาคารไทยพาณิชย์
ข่าวแนะนำ