เปิดไทม์ไลน์ส่งตัว "แป้ง นาโหนด" กลับไทย 2 มิ.ย. นี้

หลังจากที่นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ "แป้ง นาโหนด" ถูกจับกุมได้ที่ประเทศอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 กระบวนการนำตัวกลับมาดำเนินคดียังประเทศไทยก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยมีกำหนดการส่งตัวกลับในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ ซึ่งทุกฝ่ายต่างจับตามองและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและอินโดนีเซีย

การนำตัวนายเชาวลิตกลับมาดำเนินคดีในไทยนั้น เกิดจากความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ โดยฝ่ายไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหลายหน่วยงานไปประสานงานกับทางการอินโดนีเซีย เพื่อเจรจาหารือรายละเอียดของการนำตัวนายเชาวลิตกลับมารับโทษ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีโดยไม่มีอะไรติดขัด

กำหนดการเดินทางของคณะเจรจาและขั้นตอนการรับตัว

ตามที่ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ให้ข้อมูลไว้ คณะเจรจาของไทยนำโดย พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปถึงอินโดนีเซียในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน จากนั้นในวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน จะมีเครื่องบินของกองทัพบกไปรับนายเชาวลิตที่อินโดนีเซีย เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย

โดยเมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองแล้ว จะต้องผ่านขั้นตอนตามกฎหมายทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง การสอบประวัติและแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนจะนำตัวไปบันทึกประจำวันที่ สน.ดอนเมือง และส่งตัวต่อให้กับเจ้าหน้าที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นท้องที่ที่นายเชาวลิตหลบหนีออกมา จากนั้นจึงจะพิจารณานำตัวไปคุมขังยังเรือนจำต่อไป

มาตรการควบคุมตัวผู้ต้องหาที่เข้มงวด

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมาแล้ว และพร้อมจะกำหนดมาตรการควบคุมตัวนายเชาวลิตอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนในอดีต โดยจะมีการจัดเจ้าหน้าที่คุมตัวเป็นพิเศษตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากสังคมเป็นอย่างมาก

ประเด็นข้อกล่าวหาอื่นๆที่อาจตามมา

แม้จะนำตัวนายเชาวลิตกลับมาดำเนินคดีในไทยได้แล้ว แต่ยังมีข้อกล่าวหาอื่นๆที่อาจตามมาอีก ทั้งความผิดเกี่ยวกับกฎหมายคนเข้าเมืองและการทำร้ายร่างกายผู้หญิงในอินโดนีเซีย รวมถึงประเด็นเรื่องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดด้วย ซึ่งอาจมีการยึดทรัพย์สินและโทษที่หนักขึ้นตามมาได้

การเปิดไทม์ไลน์นำตัว "แป้ง นาโหนด" กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่ดีระหว่างหน่วยงานต่างๆของไทยและอินโดนีเซีย รวมถึงความมุ่งมั่นของฝ่ายไทยที่จะนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ โดยจะมีมาตรการควบคุมตัวที่เข้มงวดและรัดกุม เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางความคาดหวังจากสังคมที่จับตามองคดีนี้อย่างใกล้ชิด ว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและเป็นอุทาหรณ์ให้กับกระบวนการยุติธรรมของไทยได้มากน้อยเพียงใด

เรียบเรียง : ยศไกร รัตนบรรเทิง บรรณาธิการ TNN