TNN ปราบมะเร็งร้ายทุจริต พลิกฟื้นวงการก่อสร้าง ผ่านมุมมอง ‘ลุงช่าง’ เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล

TNN

TNN Exclusive

ปราบมะเร็งร้ายทุจริต พลิกฟื้นวงการก่อสร้าง ผ่านมุมมอง ‘ลุงช่าง’ เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล

ปราบมะเร็งร้ายทุจริต พลิกฟื้นวงการก่อสร้าง ผ่านมุมมอง ‘ลุงช่าง’ เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล

เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล เจ้าของเพจดัง "คุยกับลุงช่าง" ผู้คร่ำหวอด ในวงการก่อสร้างมานานกว่า 30 ปี เปิดอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังปัญหาสิ่งปลูกสร้างไร้คุณภาพ ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้เสียภาษี จากความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณ ไปจนถึงการทุจริตในโครงการไร้ประโยชน์ ที่กินงบไปกว่าครึ่ง ผ่านมุมมองของคนวงใน

TNN จะพาไปสำรวจที่มาที่ไปของปัญหาอย่างตรงไปตรงมา พร้อมวิเคราะห์บทบาทของ ป.ป.ช. ในการปราบมะเร็งร้ายวงการก่อสร้าง ชี้ช่องโหว่ของระบบ และเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อพลิกฟื้นวงการนี้ให้กลับมาสุจริตและยั่งยืน ด้วยพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน  


ชวนผู้อ่านเข้าใจภาพรวมปัญหาอย่างถ่องแท้ เห็นความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงวงการก่อสร้างไทยให้ดีขึ้นได้ในอนาคต



ปราบมะเร็งร้ายทุจริต พลิกฟื้นวงการก่อสร้าง ผ่านมุมมอง ‘ลุงช่าง’ เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล


ผลกระทบร้ายแรงจากความผิดพลาดในงานก่อสร้าง


เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล เจ้าของเพจดัง "คุยกับลุงช่าง"  ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างความผิดพลาดของแพทย์และวิศวกร โดยระบุว่าหากแพทย์ทำพลาด อาจส่งผลเสียต่อชีวิตคนไข้เพียงคนเดียว แต่หากวิศวกรทำพลาดในการออกแบบหรือก่อสร้าง เช่น ทำให้ตึกหรือสะพานถล่ม อาจทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก 


ปราบมะเร็งร้ายทุจริต พลิกฟื้นวงการก่อสร้าง ผ่านมุมมอง ‘ลุงช่าง’ เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล


ปราบมะเร็งร้ายทุจริต พลิกฟื้นวงการก่อสร้าง ผ่านมุมมอง ‘ลุงช่าง’ เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล

นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำว่าหากเกิดเหตุการณ์ฉกรรจ์ขึ้น ไม่ควรมองแค่เพียงจุดเดียว เพราะระบบหรือแบบแปลนที่ผิดพลาดนั้น อาจถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างหลายสิบหรือหลายร้อยแห่ง ดังนั้นเมื่อพบความผิดปกติ จึงต้องรีบตรวจสอบและแก้ไขในทุกพื้นที่ที่ใช้แบบเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอย


เกรียงไกรยังได้วิพากษ์ปัญหาการทุจริตในโครงการก่อสร้างภาครัฐ โดยประมาณการว่าอาจมีเม็ดเงินถึง 30% ของงบประมาณ ที่ถูกยักยอกไป เขากล่าวว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ การที่คนในสังคมชินชากับปัญหานี้ และเริ่มยอมรับมันเหมือนการทานอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งสุดท้ายก็จะส่งผลร้ายต่อสุขภาพในระยะยาว แต่กว่าจะรู้ตัวก็อาจสายเกินแก้ไขแล้ว


ดังนั้น เขาจึงเรียกร้องให้มีการจัดทำรายงานสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลอย่างถ่องแท้ และร่วมกันผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ก่อนที่จะลุกลามบานปลายจนเกินเยียวยา


ความไม่ไว้วางใจ ต้นตอของปัญหาในวงการรับเหมาก่อสร้าง


เกรียงไกร ระบุว่า ไม่ควรด่วนตัดสินว่า ผู้รับเหมาทุกคนมักจะโกงเจ้าของบ้าน เพราะในความเป็นจริง ผู้รับเหมา ก็เป็นอาชีพหนึ่งที่มีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป เช่นเดียวกับเจ้าของบ้านที่ก็มีหลากหลายประเภท 


ปราบมะเร็งร้ายทุจริต พลิกฟื้นวงการก่อสร้าง ผ่านมุมมอง ‘ลุงช่าง’ เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล


ปัญหาที่แท้จริงคือ ทั้งสองฝ่ายขาดความไว้วางใจกัน ผู้รับเหมากังวลว่าจะโดนกดราคาหรือถูกเบี้ยวค่าแรง ในขณะที่เจ้าของก็หวาดระแวงกลัวผู้รับเหมาจะทำงานไม่ได้มาตรฐาน เลือกใช้วัสดุราคาถูกเพื่อเพิ่มกำไร หรือหนีงานไปกลางคัน เนื่องจากต่างฝ่ายต่างมีประสบการณ์ไม่ดีมาก่อน จึงเกิดอคติ ไม่กล้าไว้ใจกัน


ปราบมะเร็งร้ายทุจริต พลิกฟื้นวงการก่อสร้าง ผ่านมุมมอง ‘ลุงช่าง’ เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล


เกรียงไกร แนะนำว่า วิธีป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้น คือการกำหนดรายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจนที่สุดก่อนเซ็นสัญญา ไม่ว่าจะเป็นแบบบ้าน ขนาดห้อง ประเภทวัสดุ ยี่ห้อสุขภัณฑ์ ฯลฯ ยิ่งตีกรอบชัดเจนเท่าไหร่ ผู้รับเหมาก็ยิ่งทำนอกกรอบได้ยาก ในทางกลับกัน หากปล่อยให้อีกฝ่ายตีความหรือเลือกเองทั้งหมด ปัญหาก็จะตามมาในภายหลัง


นอกจากนี้ เจ้าของบ้านควรแบ่งจ่ายค่าก่อสร้างเป็นงวด ตามสัดส่วนของงานที่ทำเสร็จจริง เพื่อป้องกันการเบิกเงินล่วงหน้าเกินตัว จนผู้รับเหมาขาดแรงจูงใจที่จะทำต่อ ส่วนผู้รับเหมาเองก็ต้องยอมให้เจ้าของบ้านเข้าไปตรวจสอบคุณภาพงานอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจและไม่ให้เกิดข้อโต้แย้งภายหลัง หากพบข้อบกพร่องก็ควรรับฟังและแก้ไขตามความเหมาะสม


ปราบมะเร็งร้ายทุจริต พลิกฟื้นวงการก่อสร้าง ผ่านมุมมอง ‘ลุงช่าง’ เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล


สุดท้าย ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้รับเหมาและเจ้าของบ้าน ต้องอาศัยการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาของทั้งสองฝ่าย การวางกรอบที่ชัดเจนไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ต้น ควบคู่ไปกับความยืดหยุ่นในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จะช่วยป้องกันความไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหามากมายในวงการรับเหมาก่อสร้าง ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ


งานก่อสร้างรัฐ vs เอกชน: เกรียงไกร ชี้ความต่าง ชี้ทางแก้ปัญหา


เกรียงไกร ได้อธิบายถึงความแตกต่างที่สำคัญระหว่างงานก่อสร้างของภาครัฐและเอกชน โดยชี้ให้เห็นว่าเมื่อเป็นงานส่วนตัว เจ้าของมักจะใส่ใจในทุกรายละเอียด คอยตรวจสอบคุณภาพอย่างพิถีพิถัน เพราะเป็นเงินที่ตัวเองต้องจ่าย จึงอยากได้ของดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


แต่เมื่อเป็นงานภาครัฐ เจ้าของที่แท้จริงกลายเป็นประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งไม่สามารถเข้ามากำกับดูแลได้โดยตรง จึงต้องมอบหมายให้ข้าราชการทำหน้าที่แทน แต่เนื่องจากไม่ใช่เงินของตัวเอง ความรู้สึกเป็นเจ้าของจึงจางลง อาจเกิดความย่อหย่อนในการควบคุมตรวจสอบ หรือแม้แต่ความขี้เกียจ ไม่เต็มใจตรวจงานอย่างละเอียด


ดังนั้น การป้องกันปัญหาในงานก่อสร้างภาครัฐ จึงต้องอาศัยระบบและบุคลากรที่ดี มีจริยธรรมในการทำงานสูง มีการกำหนดกรอบและมาตรฐานที่ชัดเจน เพื่อลดการใช้ดุลยพินิจส่วนบุคคล รวมถึงระเบียบในการคัดเลือกผู้รับเหมาที่โปร่งใสและเข้มงวด


อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของการมีกรอบที่เคร่งครัดเกินไป คือผู้ควบคุมงานอาจยึดกฎระเบียบเป็นหลัก แม้จะพบข้อบกพร่องบางประการ แต่หากผู้รับเหมาดำเนินการตามสัญญาครบถ้วน ก็จำต้องตรวจรับงานไป เพราะหากไปกลั่นแกล้งไม่ให้ผ่าน อาจถูกฟ้องร้องเอาผิดได้ จึงแตกต่างจากงานส่วนตัว ที่สามารถสั่งแก้ไขได้ตามใจชอบ


ปราบมะเร็งร้ายทุจริต พลิกฟื้นวงการก่อสร้าง ผ่านมุมมอง ‘ลุงช่าง’ เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล


สาเหตุหลักที่ทำให้อายุการใช้งานของสิ่งปลูกสร้างภาครัฐมักสั้นกว่าของเอกชน จึงอยู่ที่ความรู้สึกเป็นเจ้าของที่แตกต่างกันนั่นเอง ดังนั้น หากวันหนึ่งประชาชนตระหนักถึงความสำคัญ และยอมรับว่าภาษีที่จ่ายไปคือเงินของตัวเอง เข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบมากขึ้น ก็น่าจะเป็นกลไกที่ช่วยให้งานก่อสร้างของรัฐมีคุณภาพที่ดีขึ้นได้ในอนาคต




เสาไฟประติมากรรมข้างถนนลูกรัง: ตัวอย่างทุจริต บั่นทอนศักยภาพที่แท้จริงของคนไทย


เกรียงไกร ได้ยกตัวอย่างของการทุจริตที่พบเห็นบ่อยครั้ง นั่นคือการดำเนินโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริง เช่น การสร้างตลาดโดยไม่ได้ศึกษาความต้องการของชุมชน หรือการสร้างศูนย์ราชการในพื้นที่รกร้าง ซึ่งใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล แต่กลับไร้ผู้ใช้งาน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการโกงในตัวมันเอง เพราะเป็นการใช้เงินในสิ่งที่ไม่ควรใช้ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมแต่อย่างใด


เขายังยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน อย่างการติดตั้งเสาไฟประติมากรรมราคาแพงข้างถนนลูกรังที่ไม่มีผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นโครงการที่ใครเห็นเป็นต้องตั้งคำถาม เหตุใดราคาจึงสูงเกินจริงขนาดนั้น การเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องผ่านการฮั้วประมูล การบูธราคา แม้จะมีระเบียบรองรับ แต่หากไม่สอดคล้องกับจริยธรรม ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรดำเนินการอย่างยิ่ง 



ปราบมะเร็งร้ายทุจริต พลิกฟื้นวงการก่อสร้าง ผ่านมุมมอง ‘ลุงช่าง’ เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล

เกรียงไกร มองว่าปัจจุบันสังคมไทยอยู่ในภาวะเสื่อมถอยทางจริยธรรมที่น่าเป็นห่วง ไม่ว่าจะออกกฎระเบียบมากมายเพียงใด หากไม่มีจริยธรรมเป็นตัวกำกับ ก็มักจะมีช่องทางให้หลีกเลี่ยงได้เสมอ ประชาชนผู้พบเห็นโครงการทุจริตเหล่านี้มักจะอุทานด้วยความตกใจว่า "เดี๋ยวนี้เอาขนาดนี้เลยเหรอ?"


สิ่งที่น่าเสียดายคือ ในความเป็นจริง คนไทยมีศักยภาพและฝีมือที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการก่อสร้างโครงการใหญ่อย่างอุโมงค์ เราสามารถทำได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่เมื่อต้องแบกรับภาพลักษณ์ของการทุจริต กลับทำให้ศักยภาพที่แท้จริงของคนไทยถูกบดบัง ประเทศไทยจึงต้องสูญเสียโอกาสมากมาย เสียหายทั้งความน่าเชื่อถือ จนถึงขีดความสามารถในการแข่งขัน


ยิ่งไปกว่านั้น ค่าเสียหายจากการทุจริตยังส่งผลต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อติดตาต่างชาติที่เข้ามาลงทุน พวกเขามักจะตีต้นทุนบวกเพิ่มไว้อีก 20% ล่วงหน้า สำหรับใช้จ่ายในกระบวนการที่ไม่ชอบธรรมเหล่านี้ ซึ่งเท่ากับว่าประเทศไทยต้องเสียโอกาสทางเศรษฐกิจมหาศาล เพราะบาปของคนบางกลุ่ม ดังนั้น การขจัดปัญหาทุจริตด้วยโครงการไร้ประโยชน์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งต่อการปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงของคนไทย ให้สามารถแข่งขันได้เต็มที่ในเวทีระดับโลก


ปราบมะเร็งร้ายทุจริต พลิกฟื้นวงการก่อสร้าง ผ่านมุมมอง ‘ลุงช่าง’ เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล


อันตรายแอบแฝงในโครงสร้างพื้นฐาน


เกรียงไกร ชี้ให้เห็นว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น สะพานถล่ม ประชาชนมักจะคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง หากไม่ได้เป็นผู้ใช้สะพานนั้นโดยตรง แต่ในความเป็นจริง ผลกระทบที่เกิดขึ้นสามารถขยายวงกว้างไปได้ไกล เพราะอาจมีสะพานอีกจำนวนมากที่ใช้แบบแปลนเดียวกัน มีความเสี่ยงที่จะพังทลายในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้ใช้งานในปัจจุบัน รวมถึงลูกหลานในวันข้างหน้า


ดังนั้น เราจึงควรให้ความรู้และสร้างความตระหนักแก่ประชาชนถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้พวกเขาหันมาใส่ใจกับปัญหาระดับใหญ่มากขึ้น ไม่ใช่มองแค่แง่มุมส่วนตัว เราต้องชี้ให้เห็นว่าสะพานหรือถนนที่ใช้อยู่ประจำนั้น ก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน หากขาดการตรวจสอบและแก้ไขที่ดี


การสร้างความตระหนักรู้เช่นนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับปัญหามากขึ้น ไม่นิ่งเฉยเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล แต่ลุกขึ้นมาเป็นหูเป็นตา คอยสอดส่องและแจ้งเบาะแสแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการป้องกันและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ลดความเสียหายที่อาจบานปลายในอนาคต


เกรียงไกร ยอมรับว่า การพูดในประเด็นเหล่านี้ ย่อมสร้างความกังวลให้ผู้ฟัง แต่เขาเชื่อว่าการพูดความจริงบนข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมในระยะยาว แม้จะถูกเตือนจากคนใกล้ชิด แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง ภายใต้ขอบเขตที่พึงกระทำ เพราะตระหนักดีว่าหากไม่ช่วยกันสร้างความเปลี่ยนแปลง สักวันความสูญเสียจากโครงสร้างพื้นฐานที่ไร้คุณภาพ ก็อาจมาถึงตัวเราและคนที่เรารักโดยไม่ทันตั้งตัว



ปราบมะเร็งร้ายทุจริต พลิกฟื้นวงการก่อสร้าง ผ่านมุมมอง ‘ลุงช่าง’ เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล




ยกเลิกระบบสินบนนำจับ: เกรียงไกร เสนอแนวทางปราบโกงใหม่ เน้นความเท่าเทียม


เกรียงไกร มองว่า  ประเทศไทยมีหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. หรือ สตง. แต่ปัญหาสำคัญไม่ได้อยู่ที่ข้อกฎหมาย หากแต่อยู่ที่ความล่าช้าในการดำเนินการ เขายกคำพูดที่ว่า "ความยุติธรรมที่ล่าช้า ก็คือความไม่ยุติธรรม" ซึ่งสะท้อนให้เห็นผลเสียของกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้าเกินไป


ในทัศนะของเขา หากกระบวนการตรวจสอบและลงโทษผู้กระทำผิดเป็นไปอย่างรวดเร็ว เฉียบขาด และต่อเนื่อง จะสร้างความเกรงกลัวให้กับผู้ที่คิดจะทุจริต ทำให้ไม่กล้าเสี่ยงที่จะละเมิดกฎหมาย นอกจากนี้ เขายังเสนอให้ยกเลิกระบบสินบนนำจับ เพราะทำให้ผู้ถูกจับรู้สึกว่าถูกเลือกปฏิบัติ อยากได้ส่วยมากกว่าที่จะลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งสร้างความรู้สึกไม่เป็นธรรม แตกต่างจากการที่ทุกคนถูกปฏิบัติเท่าเทียมกัน และรู้ว่าค่าปรับจะถูกนำไปพัฒนาประเทศ ก็จะเกิดการยอมรับมากกว่า


สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การสื่อสารของ ป.ป.ช. กับประชาชน เกรียงไกรเห็นว่า ป.ป.ช. ควรเผยแพร่ช่องทางและขั้นตอนการแจ้งเบาะแสให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีหรือเสียเวลาไปให้ปากคำที่ศาล โดยเน้นย้ำว่าเพียงแค่แจ้งเบาะแสเท่านั้น ส่วนกระบวนการสืบสวนสอบสวนเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. เอง การสื่อสารที่ชัดเจนเช่นนี้จะช่วยลดความกังวลและกระตุ้นให้ประชาชนกล้าที่จะเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น


เกรียงไกร ยังเน้นย้ำว่า การไม่แจ้งเบาะแสการทุจริต แม้จะไม่ส่งผลกระทบกับเราโดยตรงในตอนนี้ แต่ในระยะยาว ความเสียหายอาจขยายวงกว้างมาถึงเราหรือคนที่เรารักก็เป็นได้ เช่น ถนนหรือทางเท้าที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้พ่อแม่ของเราเกิดอุบัติเหตุในอนาคต 


ดังนั้น แทนที่จะรอจนปัญหามาถึงตัวเราค่อยไปร้องเรียน เราควรกล้าที่จะแจ้งเบาะแสตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ความเสียหายลุกลาม โดยไม่ต้องกังวลว่าสิ่งที่เราทำผิดหรือถูก เพราะเป็นการชี้เบาะแสด้วยเจตนาดี และหน้าที่ในการพิสูจน์ความผิดเป็นของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ถือเป็นการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานในการปกป้องเงินภาษีของตัวเอง


หากทุกคนเข้ามาช่วยกันสอดส่องดูแล ไม่นิ่งเฉยต่อปัญหาทุจริตที่พบเห็น การแก้ปัญหาก็จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถสร้างประเทศที่มีความโปร่งใสและยุติธรรมได้อย่างแท้จริง



ปราบมะเร็งร้ายทุจริต พลิกฟื้นวงการก่อสร้าง ผ่านมุมมอง ‘ลุงช่าง’ เกรียงไกร ช่วยดำรงสกุล


ปราบมะเร็งร้ายทุจริต: ป.ป.ช. ร่วมพลังประชาชน พลิกฟื้นวงการก่อสร้างไทย


การแก้ไขปัญหาทุจริตในวงการก่อสร้างนั้น ต้องยกย่องบทบาทสำคัญของ ป.ป.ช. ในการเป็นหัวหอกสำคัญ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ จริงจัง และเด็ดขาดของ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบ ป้องกัน และปราบปรามการทุจริต ทำให้คนในวงการต้องเกรงกลัว ไม่กล้าที่จะประพฤติมิชอบ นับเป็นความหวังในการสร้างความเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ป.ป.ช. ยังให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายภาคประชาชน เพื่อช่วยสอดส่องดูแล แจ้งเบาะแส ด้วยช่องทางที่สะดวกและปลอดภัย เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพลิกฟื้นวงการก่อสร้างไทยให้สะอาด โปร่งใส


หากพลังของ ป.ป.ช. และภาคประชาชนร่วมกันขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะสามารถกำจัดมะเร็งร้ายอย่างการทุจริตให้หมดไปจากวงการนี้ได้อย่างถาวร นำมาซึ่งการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า สร้างสิ่งก่อสร้างที่มีคุณภาพ และเปิดทางให้ศักยภาพด้านฝีมือของคนไทยได้แสดงออกอย่างเต็มที่ ก้าวสู่ความเป็นเลิศในเวทีระดับโลกได้อย่างสง่างาม ดังเป้าหมายที่เกรียงไกรและคนไทยทุกคนตั้งใจไว้




ข่าวแนะนำ