สรุปรวม 'แคดเมียม' : ภัยจาก 'อุตสาหกรรม' สู่บทเรียนราคาแพง ที่ควรยกระดับบทลงโทษ
บทความนี้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแคดเมียม ซึ่งเป็นโลหะหนักชนิดหนึ่งที่มีพิษร้ายแรงต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และวิธีการรับมือกับโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยสารพิษเหล่านี้ออกสู่สิ่งแวดล้อม โดยมีข้อเสนอให้มีบทลงโทษที่รุนแรงและเด็ดขาด เช่น จำคุก ปรับ เพิกถอนใบอนุญาต ปิดกิจการถาวร เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของประชาชน
สรุปประเด็นกากแคดเมียม 15,000 ตันในสมุทรสาคร
วันที่ 4 เมษายน 2567 เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานนำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานแห่งหนึ่งที่มีข่าวพบกากแคดเมียมจำนวนมหาศาล ที่ตั้งอยู่บริเวณซอยกองพันนพล ถนนเอกชัย ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองสมุทรสาคร หลังรับแจ้งว่ามีกากแคดเมียมและกากสังกะสีบรรจุในถุงบิ๊กแบ็ก จำนวนกว่า 1,636 ถุง รวมน้ำหนักประมาณ 15,000 ตัน กองอยู่ทั้งภายในและภายนอกโรงงาน
จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทางโรงงานได้รับอนุญาตประกอบกิจการหล่อและหลอมโลหะต่างๆ ส่วนกากแคดเมียมและสังกะสีนั้นจะนำไปผสมกับปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ 30% เพื่อทำลายฤทธิ์และอยู่ในสถานะแข็งตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษระบุว่าหากเก็บไว้ในสถานที่มิดชิดและไม่ชำระล้างจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามกฎหมายหลายประการ อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัดออกประกาศห้ามบุคคลเข้าพื้นที่โรงงาน 90 วัน, สั่งให้นำกากดังกล่าวกลับไปฝังกลบที่ต้นทางจังหวัดตาก, อายัดและห้ามนำกากเข้ากระบวนการผลิต
ด้านสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสั่งระงับกิจการ ดำเนินคดีฐานประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่สวัสดิการคุ้มครองแรงงานดำเนินคดีในความผิดด้านความปลอดภัยแรงงาน นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบสารปนเปื้อนในน้ำและสุขภาพของพนักงาน รวมถึงตรวจสอบความถูกต้องด้านกฎหมายอาคาร และดำเนินคดีอาญาที่เกี่ยวข้องด้วย
การดำเนินการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการพบกากอุตสาหกรรมอันตรายจำนวนมาก โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายและขั้นตอนต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ยืนยันล่าสุด ว่า ยังไม่มีการประกาศพื้นที่ในจังหวัดสมุทรสาครเป็นเขตภัยพิบัติ แม้ว่าจะมีการตรวจพบการลักลอบขนย้ายกากอุตสาหกรรมที่มีสารอันตรายจำนวน 15,000 ตัน
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ ได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้บุคคลใดเข้าไปในพื้นที่ที่ตรวจพบการลักลอบขนย้ายกากอุตสาหกรรมดังกล่าว เป็นเวลา 90 วัน และมีคำสั่งให้บริษัทต้นทางที่อยู่จังหวัดตาก ดำเนินการขนย้ายกากอุตสาหกรรมออกจากพื้นที่ภายใน 7 วัน
ทั้งนี้ ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า กากอุตสาหกรรมดังกล่าวถูกลักลอบขนย้ายจากจังหวัดตาก มาเก็บกักในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตรวจสอบและติดตามสืบสวนต่อไป
แคดเมียม (Cadmium) คือะไร
แคดเมียม (Cadmium) เป็นโลหะหนักสีขาวเงิน มีเลขอะตอม 48 และมีสัญลักษณ์ทางเคมีว่า Cd
แคดเมียม เป็นธาตุโลหะหนักชนิดหนึ่งในกลุ่มโลหะทรานซิชัน มีคุณสมบัติเป็นโลหะสีขาวเงินวาว มีความเหนียวและความแข็งปานกลาง สามารถนำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดี มีจุดหลอมเหลวที่ 321°C และจุดเดือดที่ 765°C
แหล่งสำคัญของแคดเมียมในธรรมชาติ ได้แก่ แร่สังกะสีซึ่งจะมีแคดเมียมเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย การผลิตโลหะนอนเฟอร์รัสจึงเป็นแหล่งกำเนิดของแคดเมียมที่สำคัญ นอกจากนี้ แคดเมียมยังถูกนำมาใช้ผสมโลหะในการผลิตแบตเตอรี่นิกเกิลแคดเมียม เนื่องจากมีศักยไฟฟ้าค่อนข้างสูง
การใช้ประโยชน์จากแคดเมียม
แคดเมียมถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม ดังนี้
1. ถ่านไฟฟ้า (3 ใน 4 ส่วน)
แคดเมียมเป็นองค์ประกอบหลักในถ่านไฟฟ้าชนิดนิกเกิล-แคดเมียม (Ni-Cd) ซึ่งนิยมใช้ในอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป เครื่องมือไร้สาย ฯลฯ
2. สีผง สารเคลือบ และโลหะชุบ (1 ใน 4 ส่วน)
แคดเมียมใช้เป็นเม็ดสีในสีผง สารเคลือบ โลหะชุบ และพลาสติก ช่วยเพิ่มความคงทนต่อแสงแดด ความร้อน และการกัดกร่อน
3. อื่นๆ
⦁ โลหะผสมที่มีจุดหลอมละลายต่ำ
⦁ โลหะผสมสำหรับการรองรับ (bearing alloys)
⦁ การชุบโลหะด้วยไฟฟ้า
⦁ บัดกรี
⦁ ควบคุมการแตกตัวทางนิวเคลียร์
⦁ ฟอสเฟอร์ในโทรทัศน์
⦁ เกลือแคดเมียม เช่น แคดเมียม ซัลไฟด์ (สีเหลืองผง) และ แคดเมียม ซีลีไนด์ (สีแดงผง)
⦁ สารกึ่งตัวนำ เช่น แคดเมียม ซัลไฟด์ แคดเมียม ซีลีไนด์ และ แคดเมียม เทลลูไรด์
⦁ สารทำเสถียรใน PVC
⦁ เครื่องตรวจจับนิวตริโน
⦁ บล็อก ช่องแคลเซียมที่ขึ้นกับแรงดันไฟฟ้า
ข้อควรระวัง: แคดเมียมเป็นโลหะหนักที่มีพิษ การสัมผัสแคดเมียมในปริมาณมากอาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ไต กระดูก และระบบประสาท
กระทบประชาชน สิ่งแวดล้อม
ด้วยปริมาณกากแคดเมียมและกากสังกะสีรวมกันกว่า 15,000 ตันที่พบในโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร หน่วยงานต่างๆ ต้องเร่งรัดดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนและสิ่งแวดล้อม
แคดเมียม เป็นสารพิษอันตรายชนิดหนึ่ง หากได้รับเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปจะทำให้เกิดโรคอิไต-อิไต กระดูกพรุน เป็นมะเร็ง และส่งผลกระทบต่อระบบสำคัญต่างๆ ของร่างกาย ทั้งยังเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้ายกากพิษออกจากพื้นที่โดยด่วน พร้อมทั้งเฝ้าระวังและตรวจสอบการแพร่กระจายสู่แหล่งน้ำและดินในบริเวณใกล้เคียง รวมถึงผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงานและประชาชน
นอกจากนี้ การบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบการที่ปล่อยปละละเลยจนเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งนี้ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อเป็นบทลงโทษและป้องกันมิให้เกิดกรณีที่คล้ายคลึงกันอีกในอนาคต ทั้งนี้ เพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชนและคุณภาพสิ่งแวดล้อม หากทิ้งไว้เฉยๆ ผลเสียต่อระยะยาวอาจคาดไม่ถึงได้
บทลงโทษที่เหมาะสม: สะท้อนความรับผิดชอบ ปกป้องประชาชน สิ่งแวดล้อม
เมื่อเกิดกรณีโรงงานอุตสาหกรรมปล่อยสารเคมีอันตรายออกสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประชาชนและระบบนิเวศน์ จำเป็นต้องมีบทลงโทษที่รุนแรงและเด็ดขาดเพื่อเป็นบทเรียนและป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
หนึ่งในบทลงโทษที่สำคัญที่สุดคือโทษทางอาญา ซึ่งผู้กระทำความผิดอาจต้องรับโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี หรือปรับถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นการลงโทษทางกายภาพและทางการเงิน เพื่อสร้างแรงเตือนและตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตน
นอกจากนี้ ยังมีโทษทางแพ่งที่โรงงานต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม ทั้งในรูปของเงินทดแทนและการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ให้กลับสู่สภาพเดิม ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้นมักจะมีมูลค่าสูงมาก
ในแง่การบริหารจัดการ โรงงานที่กระทำความผิดนี้ควรถูกเพิกถอนใบอนุญาตในการประกอบกิจการทันที พร้อมทั้งสั่งปิดกิจการโรงงานนั้นไว้ชั่วคราวหรือถาวร โดยจัดให้เป็นโรงงานที่อยู่ในบัญชีดำของหน่วยงานกำกับดูแล และเปิดเผยชื่อต่อสาธารณชนเพื่อเป็นการประจานขายหน้า
การลงโทษครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมทั้งปวง ในการตระหนักถึงผลกระทบร้ายแรงจากสารเคมีที่อาจเกิดขึ้น หากขาดการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งเป็นการสร้างแรงเตือนให้ดำเนินกิจการด้วยความรับผิดชอบและเคารพต่อกฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
ในประเทศไทย เคยเกิดเหตุการณ์รั่วไหลของสารเคมีหลายครั้ง ตัวอย่างเหตุการณ์สำคัญๆ ดังนี้
1. เหตุการณ์ก๊าซคลอรีนรั่วไหล
2. เหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล
3. เหตุการณ์สารเคมีกำจัดศัตรูพืชรั่วไหล
4. เหตุการณ์ก๊าซแอมโมเนียรั่วไหล
5. เหตุการณ์กากแคดเมียม 15,000 ตัน ล่าสุด
ตัวอย่างเหตุการณ์ข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลอีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ยกระดับบทลงโทษ: ป้องกันมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม สร้างสังคมปลอดภัย
การมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน มีสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์และปลอดมลพิษ ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมซึ่งมักเป็นจุดกำเนิดของมลพิษและสารพิษต่างๆ จำเป็นต้องมีการบังคับใช้กฎหมายและบทลงโทษที่เข้มงวดและรุนแรงขึ้น เพื่อสร้างแรงกดดันและความตระหนักรับผิดชอบในการรักษาสิ่งแวดล้อม
หากพิจารณาถึงความสำคัญและความรุนแรงของปัญหามลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและระบบนิเวศโดยรวม บทลงโทษที่เคยมีอยู่นั้นอาจไม่เพียงพอและไม่รุนแรงพอที่จะสร้างความตระหนักและเป็นบทเรียนอย่างแท้จริง
ในกรณีของโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยสารพิษหรือก่อให้เกิดมลพิษรุนแรง บทลงโทษควรมีรูปแบบผสมผสานที่รุนแรงและเด็ดขาด เริ่มต้นจากการพิจารณาคดีด้วยความเร่งด่วน และหากพิสูจน์ได้ว่ากระทำความผิดจริง ควรมีโทษที่เด็ดขาด
นอกจากนี้ โรงงานดังกล่าวควรถูกเพิกถอนใบอนุญาตทันที พร้อมปิดกิจการถาวรอย่างน้อย 5 ปี และจัดอยู่ในบัญชีดำ ไม่อนุญาตให้ประกอบกิจการอีกตลอดไป มีการเปิดเผยรายชื่อต่อสาธารณชน รวมถึงมีการติดแสดงสถานะ เพื่อให้ลูกค้าและผู้บริโภครับรู้
บทลงโทษรุนแรงต่างๆ เหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนและการสร้างบรรทัดฐานใหม่ ที่สะท้อนการให้ความสำคัญและจริงจังต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อเป็นการตอบแทนบรรดาผู้ประกอบการที่ประมาทเลินเล่อและปล่อยให้เกิดมลพิษ ซึ่งหวังว่าจะทำให้ทุกฝ่ายรู้สึกวิตกกังวลและเกรงกลัว แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการขู่เข็ญผู้ประกอบการที่ชอบสร้างปัญหามูลฝอยและมลพิษต้องตระหนักได้ทั้งโทษและผลร้ายที่จะตามมา และจะดำเนินกิจการด้วยความระมัดระวังและคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
ภาพ Getty Images
ข่าวแนะนำ