Metaverse สิ่งล้ำยุคในโลกอนาคตที่ไม่ควรมองข้าม

ประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังไม่มีท่าทีที่จะยุติลงได้ในเร็ววันนี้ ราคาพลังงานปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้เกิดความกังวลต่อต้นทุนราคาสินค้าที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด 

ดัชนีราคาตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงปรับลดลงอย่างมาก นักลงทุนเกิดความกังวลไม่กล้าที่จะลงทุนหรือที่รู้จักกันในชื่อภาวะ “Risk off”  อย่างไรก็ดี ปัญหาความขัดแย้งลักษณะนี้เกิดขึ้นได้ทุกแห่งทั่วโลก ในอดีตก็มีให้เห็นอยู่หลายครั้ง และในทุกๆ ครั้งก็จะมีข้อสรุปหรือจุดจบของเหตุการณ์นั้นๆ เสมอ และโลกก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ เพียงแต่ไม่ทราบว่าจะสิ้นสุดเมื่อใดและความเสียหายที่เกิดขึ้นจะมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง

แต่เราต้องไม่ลืมว่า   โลกก็จะยังคงต้องเดินหน้าต่อไป   ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตของเราที่ถูกเร่งให้ปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19   ที่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งนำเสนอนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อมาตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่ (New normal) แน่นอนว่า

ในขณะนี้คำว่า Metaverse หรือ โลกเสมือนคงจะเข้าใกล้เรามากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นแม้ว่าความขัดแย้งดังกล่าวจะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เชื่อได้ว่าการพัฒนาด้าน Metaverse นี้ไม่ได้หยุดหรือชะลอแต่อย่างใด   เราจึงควรศึกษาและเตรียมพร้อมรับกับรูปแบบที่อาจจะเปลี่ยนไปได้ในอนาคตอันใกล้นี้

โลกดิจิทัลถูกกระตุ้นจนเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด การพัฒนานี้เริ่มต้นเมื่อมนุษย์ค้นพบอินเทอร์เน็ตครั้งแรกในปี ค.ศ. 1969 ทำให้หลายวงการเริ่มเข้าสู่โลกไร้พรมแดน สามารถเข้าถึงผู้คนหรือข้อมูลได้มากขึ้นผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ต่างๆ และหากกล่าวถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ลำดับต้น ๆ 

คงไม่มีใครไม่รู้จัก Facebook ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดตั้งแต่ปีค.ศ. 2004 จนถึงปัจจุบัน ทั้งในด้านชีวิตประจำวันและในด้านของธุรกิจการค้า และเมื่อไม่นานมานี้ Facebook ได้มีข่าวใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ Facebook ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta ซึ่งแน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับ Metaverse   ทำให้เกิดการตั้งคำ ถามเกี่ยวกับทิศทางของโลกใบที่สองว่าเป็นอย่างไรและจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ ส่งผลต่อโลกธุรกิจอย่างไรบ้าง

Metaverse เป็นคำสรุปนิยามของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาไปสู่โลกเสมือนจริง โดยผสานสภาพแวดล้อม ประสบการณ์เสมือนจริง และวัตถุต่างๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว เปรียบเหมือนการดึงโลกทั้งใบจากในหน้าจอสี่เหลี่ยมมาเป็นโลกในอีกใบหนึ่ง ผู้ใช้สามารถเลือก Avatar เป็นสื่อกลางแทนตัวตนในโลกเสมือนจริง ทำกิจกรรมร่วมกันทั้งพูดคุย พบปะ ท่องเที่ยว ความบันเทิงและอื่นๆ 

ซึ่งการเชื่อมโยงเข้าสู่โลกเสมือนนั้นจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีอยู่ 2 ชนิด คือAugmented Reality หรือ AR เป็นการผสานระหว่างเทคโนโลยีกับสภาพแวดล้อมจริงเข้าด้วยกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถทำกิจกรรมที่เชื่อมต่อกับพื้นที่จริงบนโลกเสมือนจริงได้

• Virtual Reality หรือ VR ที่เป็นการจำลองภาพเสมือนจริงแบบ 360 องศา โดยมีอุปกรณ์ แว่น VR หรือ Headset VR เป็นตัวกลางที่ทำให้ผู้ใช้ได้รับรู้ถึงการมองเห็นและเสียงในโลกเสมือนจริง
• 
  

ปัจจุบัน Metaverse ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและคงต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร แต่ที่น่าแปลก คือ บริษัทชั้นนำในหลายอุตสาหกรรม ต่างหันมาขยายธุรกิจไปในทิศทางนี้มากขึ้น อาจตอกย้ำได้ว่า เรากำลังอยู่ในยุคต้นแบบของการพัฒนาโลกเข้าสู่โครงร่างของโลกเสมือนจริงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

แล้ว Metaverse จะมาเกี่ยวข้องกับธุรกิจในโลกปัจจุบันได้อย่างไร ขอให้พิจารณาจากตัวอย่างเช่น ด้านธุรกิจเกม บริษัท Microsoft ยอมทุ่มเงินมากกว่า 2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของรายได้ปี 2021 ในการเข้าซื้อบริษัทผู้นำเกมส์ระดับโลกอย่าง Activision Blizzard เพื่อที่จะปูทางระบบเกมส์เข้าสู่ Metaverse ในอนาคต 

ด้านการเงินการธนาคาร เช่น KB Kookmin Bank ผู้ให้บริการทางการเงินอันดับต้นๆ ของประเทศเกาหลีใต้ กำลังพัฒนา Virtual Financial Town โดยผู้ใช้บริการสามารถรับบริการเสมือนไปที่สาขาธนาคารจริง เป็นต้น

ในภาพรวม Bloomberg ประเมินว่า มูลค่าของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse จะปรับสูงขึ้นจาก 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 ขึ้นไปถึงระดับ 8 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2024 ซึ่งคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยปีละ 13.1% ในระยะเวลาเพียง 4 ปี  

ดังนั้น จากการเปลี่ยนแปลงนี้จึงไม่ใช่คำถามที่ว่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือ แต่เป็นมันกำลังเกิดขึ้นจริงแล้วและนี่อาจเป็นโอกาสแรกของการลงทุน การศึกษาซึ่งนักลงทุนทุกท่านต้องรีบปรับตัวและเตรียมรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัลที่กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะแล้วนั่นเอง

ที่มา นที ดำรงกิจการ  Executive Director, Head of Financial Advisory  Private Banking Group, ธนาคารกสิกรไทย

 

ภาพประกอบ  พิกซาเบย์