"Iron Dome" เทคโนโลยีการทหารปกป้องน่านฟ้าของประเทศ
จากเหตุการณ์อิสราเอลปะทะกับกลุ่มฮามาสเมื่อช่วงเดือนก่อน รวมไปจนถึงจากการที่เกาหลีใต้ออกมาประกาศจะสร้างระบบสกัดปืนใหญ่ของเกาหลีเหนือ ทำให้ "Iron Dome" กลายเป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตามองในหลาย ๆ ประเทศ
จากเหตุการณ์อิสราเอลปะทะกับกลุ่มฮามาสเมื่อช่วงเดือนก่อน รวมไปจนถึงจากการที่เกาหลีใต้ออกมาประกาศจะสร้างระบบสกัดปืนใหญ่ของเกาหลีเหนือ ทำให้ "Iron Dome" กลายเป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตามองในหลาย ๆ ประเทศ เพราะจะดีแค่ไหนที่น่านฟ้าของประเทศเรามีระบบคุ้มกัน ที่จะคอยสกัดมิสไซล์หรือลูกปืนใหญ่ไม่ให้ตกมาบนหลังคาบ้านในตอนที่เราหลับ หรือใช้ชีวิตอย่างปกติสุขอยู่ดี ๆ ได้
เทคโนโลยี "Iron Dome" คืออะไร ?
เทคโนโลยี Iron Dome จริง ๆ แล้วไม่ได้หมายถึงการสร้างโดมปกคุมท้องฟ้าเหนือประเทศแต่อย่างใด แต่เป็นเทคโนโลยีดังจับหรือสกัดกั้นเหนือน่านฟ้า ถูกออกแบบมาสำหรับการโจมตีทางอากาศระยะใกล้ โดยระบบ Iron Dome จะทำการติดตั้งเรดาร์ดรวจจับติดตามจรวดเอาไว้บนภาคพื้นดิน เมื่อมีการยิงมิสไซล์ หรือระเบิดปืนใหญ่ยิงเข้ามา และระบบเรดาร์ตรวจจับได้ ระบบควบคุมจะประเมินจุดตกและล็อคเป้าเป้าหมายนั้น ๆ ก่อนจะยิงขีปนาวุธที่ติดตั้งไว้ภาคพื้นดินขึ้นไปสกัด
ตัวระบบสามารถทำงานได้ในทุกสภาพลมฟ้าอากาศ ถูกออกแบบขึ้นเพื่อต่อสู้กับอาวุธพื้นฐานพิสัยการยิงสั้น คือระหว่าง 4 - 70 กม. ตัวระบบสามารถตรวจรู้ได้ว่าจรวดที่ยิงเข้ามานั้นจะยิงตกลงจุดไหน ทำให้สามารถประเมินได้ว่าการโจมตีที่โจมตีเข้ามานั้นเป็นอันตรายหรือไม่ได้ อีกจุดเด่นหนึ่งคือ ระบบ Iron Dome สามารถที่จะอัปเกรดให้มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นได้อีกด้วย เช่น ของอิสราเอล ที่หลังจากพัฒนา Iron Dome สำเร็จ (ใช้เวลา 4 ปี) ต่อมาก็อัปเกรดเพิ่มเข้าไปอีก 8 ระบบ เพิ่มระยะดักจับสูงสุดจาก 70 กิโลเมตรไปเป็น 250 กิโลเมตร เป็นต้น
ประเทศที่มีเทคโนโลยี "Iron Dome"
จากข้อมูลที่ค้นหามาได้ มีหลายประเทศทีเดียวที่ติดตั้ง Iron Dome เอาไว้ โดยจุดอ่อนของระบบดังกล่าวอยู่ที่รัศมีในการป้องกันที่ทำได้ประมาณ 100–150 ตารางกิโลเมตร ทำให้มันเหมาะกับประเทศเล็ก ๆ อย่าง อิสราเอล แต่ไม่เหมาะกับประเทศหรือรัฐใหญ่ ๆ แม้แต่ในอิสราเอลเอง ยังจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายระบบป้องกันไปตามจุดที่มีความเสี่ยงที่จะโจมตีสูง โดยต่อไปนี้คือประเทศต่าง ๆ ที่มีเทคโนโลยี Iron Dome หรือกำลังจะมี
- อิสราเอล : ติดตั้งเอาไว้เพื่อปกป้องประเทศจากฉนวนกาซา หรือจากกลุ่มฮามาส
- สิงคโปร์ : ติดตั้งเอาไว้เพื่อปกป้องประเทศ (ไม่ระบุว่าปกป้องจากอะไร)
- สหรัฐฯ : ติดตั้งเอาไว้เพื่อปกป้องฐานทัพในต่างประเทศ (อิรักและอัฟกานิสถาน)
- อาเซอร์ไบจาน : เชื่อว่าติดตั้งไว้เพื่อปกป้องประเทศจากงอาร์เมเนีย เพราะมีการซื้อขีปนาวุธพิสัยใกล้
- อินเดีย : ติดตั้งเอาไว้เพื่อปกป้องประเทศจากปากีสถาน
- โรมาเนีย : ติดตั้งเอาไว้เพื่อปกป้องประเทศ (ไม่ระบุว่าปกป้องจากอะไร)
- NATO : สำหรับใช้ปกป้องกองกำลัง NATO ที่ประจำการในอัฟกานิสถานและอิรัก
- เกาหลีใต้ : ติดตั้งเอาไว้เพื่อปกป้องประเทศจากเกาหลีเหนือ
ราคาของเทคโนโลยี "Iron Dome"
เชื่อว่าราคาของเทคโนโลยี "Iron Dome" จะแปรผันไปตามสภาพแวดล้อม ความสามารถ และภูมิประเทศ
- ในปี 2014 ขีปนาวุธสกัดกั้น Tamir มีราคาตั้งแต่ 20,000 - 50,000 เหรียญสหรัฐ
- ในปี 2020 คาดว่าราคาติดตั้งรวมทั้งหมดอยู่ที่ 100,000 ถึง 150,000 เหรียญสหรัฐ สำหรับการสกัดกั้นแต่ละครั้ง
- เทคโนโลยี Skyguard ใช้ลำแสงเลเซอร์ยิงสกัดกั้นจรวด ยิงครั้งละ 1,000-2,000 ดอลลาร์ (อิสราเอลไม่ได้ใช้)
จุดอ่อนของเทคโนโลยี "Iron Dome"
Iron Dome สามารถสกัดกั้นการโจมตีได้มากเท่าที่ตัวระบบรองรับ (เครื่องยิงสกัด) หากฝ่ายตรงข้ามใช้การโจมตีที่มากกว่า ระบบก็จะไม่สามารถสกัดกั้นได้ทั้งหมด นอกจากนี้ในการสกัดกั้นแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เมื่อเทียบกับจรวดที่ยิงเข้ามา ซึ่งมีราคาที่ถูกกว่ามาก เชื่อว่าในอนาคต Iron Dome จะพัฒนาเครื่องยิงสกัด ที่เน้นในการยิงสกัดกั้นแบบไม่จำกัดกระสุน นอกจากนี้ Iron Dome ยังแพ้ทางจรวดวิถีต่ำอีกด้วย
แม้ "Iron Dome" จะดูเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ มันสามารถปกป้องเราจากการโจมตีโดยประเทศหรือพื้นที่ใกล้เคียงได้ แต่เมื่อต้องยิงสกัดกั้นหนึ่งครั้ง มันก็อาจทำให้ประเทศของเราต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก ดังนั้นมันจึงเหมาะกับประเทศหรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการโจมตีเสียมากกว่า ที่จะติดตั้งเทคโนโลยีนี้เอาไว้
ข่าวแนะนำ
-
จีนเร่งพัฒนาจรวดขนส่งไปดวงจันทร์
- 20/6/67