ทำนายรัฐบาลทรัมป์ 2.0 กระทบเทคโนโลยีครั้งใหญ่ AI ชิป EV อวกาศ และคริปโต
ฟอร์จูน (Fortune) เผยบทวิเคราะห์คาดการณ์ผลกระทบด้านเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นจากการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นสมัยที่ 2
ฟอร์จูน (Fortune) สำนักข่าวและนิตยสารด้านการเงินชื่อดัง เปิดเผยบทวิเคราะห์คาดการณ์ผลกระทบด้านเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นจากการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นสมัยที่ 2 ตั้งแต่เรื่องของนโยบายการสนับสนุนปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชิป รถยนต์ไฟฟ้า EV เทคโนโลยีอวกาศ และคริปโต
คริปโต (Crypto) และบริษัทเทค
จากนโยบายสนับสนุนและคลายข้อกำหนดเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) ส่งผลให้ราคาของบิตคอยน์ (Bitcoin) พุ่งสูงที่สุดเป็นประวัติกาลที่ประมาณ 2,600,000 บาท ต่อ 1 เหรียญบิตคอยน์ และสกุลคริปโตอื่น ๆ ก็ได้รับอานิสงค์ตามไปด้วย
ในขณะที่บริษัทบิ๊กเทคต่าง ๆ อาจได้รับผลกระทบต่างกันออกไป เช่น เมตา (Meta) ที่ถึงแม้ว่าการดำเนินคดีต่าง ๆ จะเกิดขึ้นในสมัยโจ ไบเดน (Joe Biden) เป็นประธานาธิบดี แต่ทรัมป์เองก็มีแนวคิดที่กล่าวว่า “เป็นศัตรูกับประชาชนอเมริกัน” ดังนั้น การฟ้องร้องและตรวจสอบคาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไป
ส่วนอะเมซอน (Amazon) อาจได้รับอานิสงค์จากการมาของทรัมป์ เพราะก่อนหน้านี้ คณะกรรมการการค้ากลาง (Federal Trade Commission: FTC) ได้กล่าวหาว่า Amazon ผูกขาดการขายสินค้าออนไลน์และกีดกันการแข่งขัน
แต่เจฟฟ์ เบโซส์ (Jeff Bezos) เจ้าของ Amazon และสำนักข่าววอชิงตัน โพสต์ (Washington Post) ไม่ได้มีความขัดแย้งกับทรัมป์ตั้งแต่การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยแรก รวมถึงมีการสั่งหยุดสำนักข่าวของตัวเองสนับสนุนกมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) จากพรรคเดโมแครตโดยอ้างว่าเพื่อความเป็นกลาง ก็อาจเป็นแต้มต่อต่อเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
อีลอน มัสก์ (Elon Musk) และรถ EV
อีลอน มัสก์ ถือเป็นบุคคลในวงการบิ๊กเทคที่ออกตัวสนับสนุนทรัมป์มาตั้งแต่เริ่ม ดังนั้น ฟอร์จูนเชื่อว่ามัสก์จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจนโยบายด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ และทรัมป์ยังเป็นผู้สนับสนุนเทคโนโลยีการสำรวจอวกาศเป็นทุนเดิม ดังนั้น สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) อาจจะเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ AI ของมัสก์ที่เรียกว่า xAI ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์มีแนวทางต่อต้านการผลิตรถ EV เพราะไม่เชื่อแนวคิดปัญหาสิ่งแวดล้อม และและพรรครีพับลิกันยังเชื่อว่ารถ EV จะทำลายอุตสาหกรรมรถยนต์ในภาพรวม
แต่ความเห็นผู้เชี่ยวชาญที่รายงานโดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) มองว่ารัฐบาลของทรัมป์อาจทำได้แค่การลดเงินอุดหนุนสำหรับการพัฒนารถ EV และทบทวนมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการผลิตรถยนต์ หรือยกเลิกไป แต่ก็เปิดทางส่งเสริมให้มีการผลิตรถ EV ผ่านมาตรการอื่น ๆ แทนด้วยเช่นกัน
นโยบายสนับสนุน AI
ก่อนหน้านี้ FTC ได้สอบสวนไมโครซอฟท์ (Microsoft) โอเพนเอไอ (OpenAI) กูเกิล (Google) และเอ็นวิเดีย (NVIDIA) ในแง่ว่ามีความพยายามในการรวบตลาดเพื่อผูกขาดทางการค้า แต่เป็นไปได้ว่าในยุคของทรัมป์อาจจะมีการทบทวนหรือชะลอการสืบสวน
ทั้งนี้ ทรัมป์มีแนวคิดที่ไม่ต้องการควบคุมเอไอ (regulating AI) เท่าใดนัก ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าการพัฒนาเอไอของบริษัทต่าง ๆ จะเติบโตโดยมีการควบคุมที่น้อยลง แต่นักวิชาการบางส่วนก็กังวลว่าการปล่อยปละละเลยในเรื่องนี้อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น การสร้างข้อมูลที่บิดเบือนจาก AI รวมถึงการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลได้
จีน Apple และ TikTok
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทรัมป์มีแนวคิดที่มองจีนเป็นคู่ขัดแย้งทางการค้า ดังนั้น นโยบายกีดกันทางการค้ากับจีนอาจจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการผลิตสินค้าเทคโนโลยีของบริษัทสัญชาติอเมริกันหลายบริษัท รวมถึงแอปเปิล (Apple) ที่มีฐานการผลิตส่วนใหญ่ในจีน
แต่ในขณะที่ทรัมป์เองก็มองว่าสหรัฐอเมริกาไม่ได้มีหน้าที่ในการสนับสนุนทางการทหารในมิติความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อไต้หวันด้วยเช่นกัน นักวิเคราะห์บางส่วนจึงเชื่อว่าหากทรัมป์ลดบทบาทของสหรัฐอเมริกาในกรณีนี้ ก็อาจทำให้ตลาดของชิปคอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟนเกิดความผันผวนได้
ส่วนติ๊กตอก (TikTok) แพลตฟอร์มวิดีโอแนวตั้งชื่อดัง ก็อาจได้รับผลกระทบในทางที่ดีแทน เนื่องจากทรัมป์ได้พบปะกับหนึ่งในผู้บริจาคให้กับพรรครีพับลิกันและเป็นนักลงทุนของ TikTok เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา จนทรัมป์ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ดังนั้น การแบน TikTok ในรัฐบาลไบเดน อาจยุติหรือมีการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
ข้อมูล Fortune via Yahoo News, CNBC
ภาพ Reuters
ข่าวแนะนำ