ในงานกาแล็กซี อันแพค (Galaxy Unpacked) ที่จัดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา หรือตอน 01.00 นาฬิกา ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ตามเวลาประเทศไทย ได้เปิดตัวซัมซุง กาแล็กซี เอส 23 อัลตรา (Samsung Galaxy S23 Ultra) ที่ยกระดับกล้องสู่ 200 ล้านพิกเซล (MP) พร้อมปรับปรุงระบบถ่ายภาพระดับมืออาชีพ ยกระดับการถ่ายภาพและวิดีโอในตอนกลางคืนให้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนปรับเปลี่ยนภายในไปสู่การเล่นเกมที่มอบประสบการณ์เข้าใกล้คอมพิวเตอร์ไปอีกขั้น

การปรับปรุงกล้องและระบบถ่ายภาพใน Samsung Galaxy S23 Ultra

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Samsung Galaxy S23 Ultra คือการยกระดับกล้องหลักที่เป็นกล้องมุมกว้างไปสู่ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล (MP) พร้อมกับการส่งต่อภาพถ่ายแบบ RAW ที่เป็นภาพระดับมืออาชีพสำหรับการปรับแต่งต่าง ๆ โดยยังคงสามารถซูมภาพถ่ายทางกายภาพ (Optical Zoom) ได้ 10 เท่า และซูมภาพแบบดิจิทัล (Digital Zoom) 100 เท่า เช่นเดิม

ในขณะที่ระบบการถ่ายภาพนั้นได้รับการปรับปรุงผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มุ่งเน้นไปที่การขยายขอบเขตภาพ (Dynamic Range) ในการรับแสง ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการถ่ายภาพและวิดีโอในช่วงเวลากลางคืนและที่แสงน้อย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความสวยงามและสมจริงผ่านวิดีโอนำเสนอ รวมถึงภาพยนตร์สั้นที่ถ่ายทำฉากกลางคืนทั้งเรื่องผ่าน Samsung Galaxy S23 Ultra ซึ่ง TNN Tech ตั้งข้อสังเกตว่ามีความคล้ายคลึงกับการนำเสนอเรื่องการถ่ายภาพกลางคืนจากบริษัทคู่แข่งอย่างแอปเปิล (Apple) อย่างมีนัยสำคัญ

การยกระดับการประมวลผลของ Samsung Galaxy S23 Ultra

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงในงาน Galaxy Unpacked ประจำปีนี้อยู่ที่ระบบประมวลผลภายในตัวเครื่อง Samsung Galaxy S23 Ultra ซึ่งปรับจาก Snapdragon 8 Gen 1 เป็น Snapdragon 8 Gen 2 ที่ควอลคอม (Qualcomm) ผู้ผลิตชิประมวลผลได้ร่วมมือกับซัมซุง (Samsung) เพื่อปรับแต่งชิปสำหรับ Samsung Galaxy S23 Ultra โดยเฉพาะ ซึ่งทางซัมซุงเคลมว่าเป็นชิปประมวลผล (CPU) ที่แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาของสมาร์ตโฟนตระกูลกาแล็กซี

ส่วนการประมวลผลกราฟิกก็ได้ยกระดับสู่การเล่นเกมในระดับที่คล้ายคลึงกับการเล่นเกมคอมพิวเตอร์มากขึ้น นำเสนอเทคโนโลยีเรย์ เทรซซิง (Ray Tracing) ที่คุ้นเคยในหน่วยประมวลผลกราฟิกบนคอมพิวเตอร์ ทำให้ขอบเขตสีภาพ การเคลื่อนไหว แสงและเงาของภาพทั้งหมดไหลลื่นและสมจริงมากยิ่งขึ้น 

การปรับเปลี่ยนอื่น ๆ ใน Samsung Galaxy S23 Ultra

ในขณะที่ภาพรวมภายนอกของตัวเครื่องนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งกล้อง น้ำหนักและรูปลักษณ์ โดยยังคงติดตั้ง S Pen ปากกาสไตลัส (Stylus) เอกลักษณ์ประจำตัวของโทรศัพท์ซัมซุง (Samsung) เอาไว้เช่นเดิม และส่วนประกอบอื่น ๆ ภายในก็ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนที่สำคัญเช่นกัน

โดยในปีนี้มีตัวเลือกแรกที่พร้อมจำหน่ายเป็นรุ่นแรม (RAM) 12 กิกะไบต์ (GB) และหน่วยความจำ 512 กิกะไบต์ (GB) ในราคา 49,900 บาท และรุ่นสูงสุดอยู่ที่ 59,900 บาท ส่วนรุ่นเริ่มต้นจะพร้อมจำหน่ายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ในราคา 43,900 บาท  โดยมีสีให้เลือกทั้งหมด 8 สี แบ่งเป็น 4 สีทั่วไป ได้แก่ สีเทา สีดำแบบแฟนธอม สีลาเวนเดอร์ และสีครีม กับอีก 4 สีพิเศษ สำหรับผู้ที่สั่งจองออนไลน์ ได้แก่ สีกราไฟต์ สีสกายบลู สีมะนาว (Lime) และสีแดง 

ที่มาของข้อมูลและรูปภาพ Samsung