กทม. เปิดข้อดีชำระหนี้ BTS - ชี้แจงมีผลการขึ้นค่าโดยสารหรือไม่?
กทม. เปิดข้อดีชำระหนี้ BTS จำนวน 2.3 หมื่นล้าน พร้อมชี้แจงกระทบค่าโดยสารมีการปรับขึ้นหรือไม่?
วันนี้ ( 7 เม.ย. 67 )กรุงเทพมหานคร (กทม.) ชี้แจงกรณีการชำระหนี้ค่าติดตั้งระบบรถไฟฟ้า ส่วนต่อขยาย 2 จุด ที่เกิดจากการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เมื่อปี พ.ศ. 2560 ในส่วนต่อขยายที่ 1 อ่อนนุช-แบริ่ง, สะพานตากสิน-บางหว้า และส่วนต่อขยายที่ 2 แบริ่ง-สมุทรปราการ, หมอชิต-คูคต
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ระบุว่าการชำระหนี้จำนวน 2.3 หมื่นล้านดังกล่าว มีข้อดีต่อการพัฒนาการคมนาคมกรุงเทพฯ ดังต่อไปนี้
- กรุงเทพมหานครได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในระบบไฟฟ้าเครื่องกล (E&M) อย่างถูกต้อง ไม่เกิดปัญหาการโต้แย้งความเป็นเจ้าของกับเอกชน
- ลดความเสี่ยงในการถูกฟ้องร้องและการคิดดอกเบี้ยผิดนัด เช่นเดียวกับค่าจ้างเดินรถ(O&M)
- กรุงเทพมหานครจะมีอำนาจในการต่อรองมากขึ้นในการจัดการเดินรถเนื่องจากเป็นเจ้าของทรัพย์สิน
- ลดภาระค่าดอกเบี้ยในการจัดหา ตามสัญญาจ้างติดตั้งระบบเดินรถ ซึ่งมีค่าดอกเบี้ยประมาณวันละ 3 ล้านบาท
การจ่ายหนี้มีผลต่อการปรับลดค่าโดยสารหรือไม่?
- การจ่ายหนี้ดังกล่าวเป็นค่าจ้างงานติดตั้งระบบเดินรถ “ไม่มีผลต่อค่าโดยสารในปัจจุบัน” เนื่องจากเป็นเงินที่ค้างชำระตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560
- เมื่อจ่ายหนี้ครบแล้ว กทม. จะได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินและไม่ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ย ผิดนัดอีกในอนาคต หากต้องมีการทำสัมปทานใหม่ กทม. จะมีอำนาจในการเจรจาต่อรองอัตราค่าโดยสารกับผู้รับสัมปทานได้
กรุงเทพมหาครระบุอีกว่า การชำระหนี้ 2.3 หมื่นล้านบาท เป็นการปลดล็อกศักยภาพของโครงข่ายขนส่งสาธารณะ ทั้งยังช่วยให้ กทม. มีอำนาจต่อรองมากขึ้นในการจัดการเดินรถ และการพัฒนาโครงการอื่น ๆ เพื่อให้กรุงเทพฯ มุ่งสู่เมืองที่ระบบขนส่งมวลชนมีประสิทธิภาพ เพื่อความสะดวกสบายของชาวกรุงเทพฯ ทุกคน
ข้อมูลจาก: กรุงเทพมหานคร
ภาพจาก: : AFP
ข่าวแนะนำ