สำนักข่าว บลูมเบิร์ก รายงานว่า ยอดขายรถ เทสลา ลดลงต่อเนื่องทั้งในตลาดจีน และยุโรป สวนทางกับความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในภาพรวมที่เติบโตขึ้น ทำให้เกิดความกังวลเพิ่มขึ้นว่าผู้ซื้ออาจเริ่มเบื่อหน่ายหรือไม่พอใจกับรถ เทสลา โดยสาเหตุหนึ่ง อาจมาจากการที่ อีลอน มัสก์ เข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น ส่วนตลาดในออสเตรเลีย ยอดขายเทสลา ก็ลดลงมากเช่นเดียวกัน
โดย ตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตามรายงานของสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจีน พบว่าเทสลา มียอดขายเดือนกุมภาพันธ์ จำนวน 30,688 คัน ลดลงร้อยละ 49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง
แต่ก็แตกต่างกับยอดขายของ บีวายดี (BYD) อย่างสิ้นเชิง ที่ขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแบบไฟฟ้าล้วน และรถยนต์ไฮบริด รวมกันได้มากกว่า 318,000 คัน ซึ่งคิดเป็นเพิ่มขึ้นสูงถึง 161%
สรุปข่าว
อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่ลดลงของเทสลา เกิดขึ้นในช่วงที่โรงงานผลิตในจีน หยุดการผลิตเพื่ออัปเกรดสายการผลิตสำหรับการเปิดตัวรถ โมเดล วาย (Model Y) รุ่นล่าสุด ด้วย ซึ่งตามรายงานของ สตีฟ แมน (Steve Man) นักวิเคราะห์ของ บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ (Bloomberg Intelligence) ระบุว่า หากไม่มีปัจจัยในเรื่องหยุดการผลิต คาดว่ายอดขายรถเทสลา ในจีน ก็จะทรงตัว (หรือมียอดขายเท่าเดิมจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว)
แต่แนวโน้มยอดขายที่ลดลงนี้ บ่งชี้ด้วยว่า เทสลา กำลังเผชิญกับการแข่งขันในตลาดจีน ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น จากการที่แบรนด์จีน นำเสนอรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย และราคาไม่แพงให้กับผู้ขับขี่ในท้องถิ่น เช่น เมื่อเดือนที่แล้ว บีวายดี ประกาศว่ารถ บีวายดี รวมถึงรุ่นราคาถูก จะมีเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัตโนมัติ เกือบทุกรุ่น ส่วน เสียวหมี่ (Xiaomi) เองก็ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเริ่มบุกเบิกในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
ขณะเดียวกัน ราคาหุ้น เทสลา ก็ปรับตัวลดลงมาก และตั้งแต่ต้นปีมา ลดลงไปแล้วกว่า ร้อยละ 32 ซึ่งหักล้างส่วนต่างที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งสำหรัฐฯ ที่ในช่วงนั้น ราคาหุ้นเทสลา ปรับสูงขึ้นมากเพราะนักลงทุนคาดการณ์ว่า ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันระหว่าง มัสก์ และ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นประโยชน์แก่บริษัทของ มัสก์ เอง
พาไปดูตัวเลขยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2025 ของ เทสลา ที่มีการรวบรวมมา ให้ได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่าลดลงในตลาดไหนบ้าง และ ลดลงไปมากน้อยแค่ไหน
เริ่มกันที่ ตลาดจีน เทสลา มียอดขายรถยนต์ ในเดือนกุมภาพันธ์ จำนวน 30,688 คัน คิดเป็นลดลงร้อยละ 49.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นจำนวนที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2022 และยังลดลง ร้อยละ 51.5 จากจำนวน 63,238 คันในเดือนมกราคม อีกด้วย
แต่ล่าสุด เทสลา ก็แก้เกม ด้วยการนำเสนอเงินอุดหนุนประกันภัย สำหรับการซื้อรถยนต์ โมเดล 3 เป็นมูลค่า 8,000 หยวน หรือประมาณ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ รอยเตอร์ส รายงานว่า เงินอุดหนุนดังกล่าวจะมีผลกับคำสั่งซื้อที่ทำก่อนวันที่ 17 มีนาคมนี้ และตามประกาศบนเว็บไซต์ของ เทสลา จีน ยังระบุว่า ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง หรือขับเคลื่อน 4 ล้อระยะไกล ยังสามารถเข้าถึงแผนการเงิน ดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 5 ปี ได้อีกด้วย
ซึ่งรอยเตอร์ส ระบุด้วยว่า แคมเปญดังกล่าว เกิดขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้าในตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง และ เทสลา ก็ถูกกินส่วนแบ่งตลาดไปจำนวนมาก
สำหรับตลาดในยุโรป มีรายงานว่า ยอดขายรถยนต์เทสลา เมื่อเดือนที่แล้ว(กุมภาพันธ์) ในยุโรปโดยรวมลดลงไปถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ซึ่งใน เยอรมนี ลดลงมากที่สุด โดยยอดขาย ลดลงไปถึงร้อยละ 76 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนยอดขายเพียง 1,429 คัน จากเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ที่มียอดขายมากกว่า 6,000 คัน อีกทั้ง สวนทางกับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศที่เติบโตขึ้น ซึ่งหน่วยงานขนส่งรถยนต์แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศโดยรวม เติบโตถึง ร้อยละ 31
สำหรับ เยอรมนี เป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ยอดขายของเทสลา ยังลดลงต่อเนื่องจากเดือนมกราคม เนื่องจาก มักส์ มีท่าทีสนับสนุนพรรค AfD (เอเอฟดี) หรือพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัด ก่อนการเลือกตั้งเลือกตั้งครั้งล่าสุด
มาที่ นอร์เวย์ และเดนมาร์ก มีรายงานว่า ยอดขาย ลดลงไป ร้อยละ 48 สวีเดน ลดลงไปร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนที่ ฝรั่งเศส ลดลงไปร้อยละ 26 โดยมียอดขาย 2,395 คัน
และตามข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ยุโรป ยอดจดทะเบียนรถ เทสลา ทั่วสหภาพยุโรป รวมถึง สหราชอาณาจักร ไอซ์แลนด์ เนอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2024 ถึง มกราคม 2025 ก็ลดลงมากถึงร้อยละ 45
นอกจากนี้ ตลาด ออสเตรเลีย ยอดขายเทสลาในเดือนกุมภาพันธ์ ตามรายงานของสภารถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Council) ก็ลดลงไปร้อยละ 72 โดยบริษัทขายได้เพียง 1,592 คัน ในเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขายได้จำนวน 5,665 คัน
ขณะเดียวกัน ยอดขายในสหรัฐฯ ก็มีแนวโน้มตกต่ำ โดย สมาคมตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (California New Car Dealers Association) รายงานว่า ปีที่ผ่านมา ยอดจดทะเบียนรถเทสลา ลดลงร้อยละ 12 และเฉพาะไตรมาส 4 ลดลงไปร้อยละ 8
ซึ่งในสหรัฐอเมริกา เทสลา กำลังเผชิญกับการประท้วงต่อต้าน อีลอน มัสก์ ที่ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้า หน่วยงานประสิทธิภาพ (กระทรวงประสิทธิภาพ) ที่เป็นหน่วยงานลดต้นทุนของรัฐบาล และนับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งดังกล่าว ได้เพียง 1 เดือนเศษ มัสก์ ก็มีส่วนในการเลิกจ้างพนักงานของรัฐบาลกลางไปแล้วกว่า 62,000 ตำแหน่ง และยังมีแนวโน้มที่จะเลิกจ้างพนักงานของรัฐ เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ก่อให้เกิดความไม่พอใจ และมีการชุมนุมประท้วงตอบโต้ อีลอน มัสก์ ที่เรียกว่า เทสลา เทกดาวน์ (Tesla Takedown) หรือการโค่น เทสลา และมีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เทสลา ยังคงมีความพยายามในการขยายตลาดอื่น ๆ เช่นล่าสุด กำลังเข้าไปบุกตลาดอินเดีย หลังยกเลิกแผนไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ล่าสุด รอยเตอร์ส รายงานว่า เทสลา ได้ลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่ เพื่อเปิดโชว์รูมแห่งแรกในนคร มุมไบ ประเทศอินเดีย แล้ว โดยจะเป็นการนำเข้ารถทั้งคันไปขายในตลาดดังกล่าว
ซึ่งในเอกสารสัญญา ระบุว่าเป็นสัญญาเช่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2025 และจะจ่ายค่าเช่า ปีละประมาณ 446,000 ดอลลาร์ สำหรับพื้นที่ 4,003 ตารางฟุต (372 ตารางเมตร) ซึ่งเกือบจะเท่า ๆ กับสนามบาสเก็ตบอล โดยค่าเช่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ทุกปี รวมค่าใช้จ่าย 2,500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลอด 5 ปี
โชว์รูมดังกล่าว ตั้งอยู่ในอาคาร เมกเกอร์ แมคซิตี้ (Maker Maxity) ในศูนย์กลางธุรกิจและการค้าปลีกของ บันดรา คูร์ลา คอมเพล็กซ์ (Bandra Kurla Complex) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินของเมือง
อย่างไรก็ตาม อินเดียกำหนดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ไว้สูงที่ 100% ซึ่งรอยเตอร์ส รายงานว่า สหรัฐฯ ต้องการให้อินเดียยกเลิกภาษีนำเข้ารถยนต์ภายใต้ข้อตกลงการค้าใหม่ ระหว่าง 2 ประเทศ และแม้ว่า รัฐบาลอินเดียกำลังพิจารณาปรับลดภาษีเพิ่มเติม แต่ก็ยังลังเลที่จะลดลงภาษีเป็นศูนย์ในทันที
ที่มาข้อมูล : บลูมเบิร์ก , รอยเตอร์
ที่มารูปภาพ : -