‘โรคฝีดาษลิง’ ป่วยเพิ่มทุกสัปดาห์ ยอดสะสมล่าสุดติดเชื้อกว่า 535 คน
‘โรคฝีดาษลิง’ กรมควบคุมโรค เผยป่วยเพิ่มทุกสัปดาห์ ยอดสะสมกว่า 535 คน ระยะหลังพบรายใหม่ ติดเชื้อ HIV ร่วมด้วยเพิ่มขึ้น
วันนี้ ( 26 ต.ค. 66 )นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทน อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุถึงสถานการณ์โรคฝีดาษมลิงในประเทศไทย ข้อมูลล่าสุดยังคงพบผู้ป่วย ต่อเนื่องทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละประมาณ 30 คน ส่วนใหญ่เป็นชายไทย ทำให้ยอดรวมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 จนถึง 22 ตุลาคม มีผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 535 คน เป็นคนไทย 481 คน ที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ ส่วนผู้เสียชีวิตตอนนี้ ยังคงเดิม ยืนยัน 1 คน
ในจำนวนผู้ป่วยฝีดาษลิงรายใหม่พบผู้ป่วยนอกกลุ่มเสี่ยงเป็นผู้หญิงและเด็ก 1 ขวบ ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคถึงสาเหตุการติดเชื้อ แต่เบื้องต้นอาการน้อย โดยในผู้หญิงคาดว่าจะติดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ส่วนเด็ก คาดว่า ติดเชื้อจากจุดสัมผัสร่วมในห้องที่ผู้ป่วยพักอาศัยอยู่ เพราะในผู้ป่วยฝีดาษวานรบางราย อาการตุ่มหนอง จะไม่แสดงให้เห็นเด่นชัดมากนัก ส่วนใหญ่จะอยู่ในร่มผ้า จึงไม่ได้ระมัดระวังตัวเอง
นายแพทย์โสภณ ระบุว่า สถานการณ์ขณะนี้จะพบผู้ป่วยทุกสัปดาห์แต่ภาพรวมสถานการณ์เริ่มคงที่ ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเฉพาะชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย มีพฤติกรรมเสี่ยง และในผู้ป่วยรายใหม่ที่พบระยะหลัง ส่วนหนึ่งมีการติดเชื้อ HIV ร่วมด้วย ทำให้มีความเสี่ยงที่อาการจะรุนแรงมากกว่าในกลุ่มอื่น
สำหรับยารักษาโรคฝีดาษลิง(TPOXX ) ที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลก เบื้องต้นได้ถูกนำไปรักษาในกลุ่มผู้ที่มีอาการติดเชื้อฝีดาษลิงและเสี่ยงที่อาการจะรุนแรง และในกลุ่มที่มีโรค ประจำตัวร่วม โดยเฉพาะในกลุ่มที่ติดเชื้อ HIV ร่วม ซึ่งจากการติดตามผล พบว่า ส่วนใหญ่อาการดีขึ้น หลังจากได้รับยา ซึ่งยาที่ได้รับการสนับสนุนนั้นสามารถรักษาผู้ป่วยได้จำนวน 100 คน ขณะนี้ยังคงเพียงพอและได้มีการกระจายไปยังโรงพยาบาลในสวนภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ยังคงเน้นย้ำ การให้ความรู้ประชาชนถึงการมีพฤติกรรมที่เสี่ยงในการจะก่อการติดเชื้อโรคฝีดาษลิง เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้มีการติดเชื้อและลดการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น ลดพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าหรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
สำหรับลักษณะอาการที่พบ ส่วนใหญ่ยังคงพบผื่นตามร่างกาย ตามใบหน้า ตามอวัยวะเพศ มีอาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศรีษะ หากพบว่าตนเอง มีอาการเข้าข่ายสงสัยควรที่จะ รีบไปพบแพทย์ทันที
ภาพจาก : AFP