ซีเซียม-137 อันตรายแค่ไหน-มีประโยชน์อย่างไร? เกิดอะไรขึ้นเมื่อเข้าสู่ร่างกาย?
ทำความรู้จัก “ซีเซียม-137” อันตรายมากแค่ไหน-มีประโยชน์อย่างไร? จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อกัมมันตรังสีเข้าสู่ร่างกาย
จากกรณีสาร ซีเซียม-137 หายไปจากโรงไฟฟ้า ที่บริเวณร้านรับซื้อของเก่าแห่งหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมกับมีข้อมูลยืนยันว่า ซีเซียมดังกล่าวถูกหลอมไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามพบว่ายังไม่พบการฟุ้งกระจายไปในอากาศ
ซีเซียม-137 คืออะไร
ซีเซียม เป็นธาตุหมายเลขที่ 55 มีสัญลักษณ์ทางเคมี Cs พบในธรรมชาติ ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2403 โดย กุสตาฟ เคอร์ชอฟฟ์ และ โรเบิร์ต บุนเชน โดยค้นพบจากธรรมชาติในตัวอย่างน้ำแร่ที่ได้จากเดอร์คไฮม์ในประเทศเยอรมนี ส่วนซีเซียม-137 เป็นสารกัมมันตรังสี และ สารกัมมตรังสีตัวอื่นๆที่ใช้ในงานเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ได้มีการค้นพบในปี พ.ศ. 2470 โดนเกลนน์ ที ที ซีบอร์ก และ ผู้ร่วมงานของเขา คือ มาร์กาเร็ต เมลเฮส
ซีเซียม-137 มาจากไหน?
ซีเซียม ที่ไม่เป็นสารกัมมตรังสีมีปรากฏอยู่เพียงไอโซโทปเดียว คือ ซีเซียม-133 ตามธรรมชาติ พบรวมอยู่เพียงปริมาณน้อยในแร่ชนิดต่างๆ น้ำทะเล ห้วย ลำธาร และ ในร่างกายมนุษย์ ส่วนซีเซียม-137 นั้น เป็นสารกัมมตรังสีเกิดได้เมื่อยูเรเนียมและ พลูโทเนียมกลืนอนุภาคนิวตรอนแล้วเกิดปฏิกิริยาฟิชชัน ซึ่งพบได้ในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และ อาวุธนิวเคลียร์ การแบ่งแยกนิวเคลียร์ของยูเรเนียมและพลูโตเนียม ในปฏิกิริยาฟิชชันก่อให้เกิดผลผลิตจากฟิชชันมากมาย ซีเซียม-137 เป็นหนึ่งในผลผลิตจากฟิชชันเหล่านั้น
ประโยชน์ของซีเซียม-137
ซีเซียม-137 นับเป็นไอโซโทปรังสี ที่นิยมนำมาใช้ประโยชน์ในทางด้านอุตสาหกรรมมากที่สุดตัวหนึ่ง มีเครื่องมือนับพับชนิดที่ใช้ซีเซียมเช่น
- เครื่องความชื้นและความหนาแน่น ที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง
- เครื่องวัดระดับ ใช้ในอุตสาหกรรมเพื่อตรวจวัดการไหลของของเหลวในท่อและแท็งก์
- เครื่องความหนา ของแผ่นโลหะ กระดาษ ฟิล์ม
- เครื่องหยั่งธรณี การขุดเจาะชั้นดิน และ หินต่างๆ
- ทางการแพทย์ใช้บำบัดมะเร็ง
- ใช้เป็นต้นกำเนิดรังสีแกรมมา ใน ห้องปฏิบัติการวิจัยทางรังสี
อันตรายของ ซีเซียม-137
ซีเซียม-137 เหมือนกับสารกัมมตรังสีตัวอื่นๆ การได้รับรังสีที่แผ่มาจาก ซีเซียม-137 มีผลทำให้ อัตราการเสี่ยงเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น บุคคลใดถ้าได้รับปริมาณรังสีสูงมากๆ จะทำให้เกิดการไหม้ของผิวหนังอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
ขนาดความรุนแรงและอันตรายที่จะเกิดต่อสุขภาพขึ้นอยู่กับสภาวะของการได้รับรังสีตามปัจจัยต่างๆดังนี้
- ความแรงของต้นกำเนิด
- เวลาการได้รับรังสี
- ระยะทางต้นกำเนิดรัวสี
- เครื่องกำบังรังสีระหว่างตัวบุคคลกับต้นกำเนิดรังสี
อาการที่พบเมื่อสัมผัสสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137
เมื่อสัมผัสสารกัมมันตรังสี ซีเซียม 137 อาการที่พบคือ
- - ไข้
- - คลื่นไส้
- - อาเจียน
- - เบื่ออาหาร
- - ถ่ายเหลว
- - ผิวหนังบริเวณที่โดนรังสีจะเกิดแผลไหม้พุพอง
ในกรณีสัมผัสปริมาณมาก ส่งผลกระทบต่อระบบเลือด กดไขกระดูก ระบบประสาท ชักเกร็ง และอาจเสียชีวิตได้
ซีเซียม-137 เข้าสู่ร่างกายได้อย่างไร
คนเราอาจได้รับซีเซียม-137 จากอาหารและ น้ำ สูดดมฝุ่น ถ้าซีเซียมเข้าไปในร่างกายมันจะกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอตลอดเนื้อเยื่ออ่อนของร่างกาย เป็นผลให้เนื้อเยื่อเหล่านั้นได้รับรังสี จากการวิจัยพบว่าจะมีปริมาณของโลหะสะสมที่กล้ามเนื้อมากกว่าบริเวณอื่นเล็กน้อย และ พบการสะสมน้อยกว่ากระดูกและ ไขมัน เมื่อเปรียบเทียบเวลาการตกค้างกับสารกัมมันตรังสีตัวอื่นพบว่าซีเซียม-137 มีเวลาสั้นมากโดยจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ นอกจากนี้คนเรายังรับรังสีจากซีเซียม-137 จากภายนอกร่างกายได้ โดยรับจากรังสีแกมมาที่ได้จากการสลายตัวของซีเซียม-137 จากภายนอกร่างกาย
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเราอยู่ใกล้ซีเซียม-137
เราต้องใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น เครื่องสำรวจรังสี (Survey Meter) ในการตรวจวัดสารกัมมันตรังสี ว่ามีอยู่หรือไม่ เนื่องจากเราไม่สามารถรู้สึกว่าได้รับรังสี หรือได้รับรสหรือกลิ่นจากซีเซียม
การป้องกันและการปฏิบัติตนให้ห่างไกลจาก ซีเซียม-137
- 1.หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารกัมมันตรังสีหรือกล่องเหล็กต้องสงสัย
- 2.ถ้าอยู่ในที่เกิดเหตุให้ไปลงทะเบียนผู้สัมผัสสารกัมมันตรังสียังหน่วยงานที่กำหนด
- 3.รวบรวมสิ่งของหรือเสื้อผ้าที่คาดว่าอาจมีการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบก่อนนำไปใช้
- 4.ควรล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม
ข้อมูลจาก : สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ
ภาพจาก : ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดระยอง / ปราจีนบุรี