จีนซ้อมรบยิงขีปนาวุธตงเฟิงข้ามเกาะ ตอบโต้ "แนนซี เพโลซี" เยือนไต้หวัน
กองทัพจีนยิงขีปนาวุธหลายลูกข้ามไต้หวัน ตกในน่านน้ำขณะทำการซ้อมรบใหญ่ในช่องแคบไต้หวันวันแรก เพื่อตอบโต้กรณี "แนนซี เพโลซี" ประธานสภาผู้แทนฯสหรัฐเยือนไต้หวัน
กองทัพจีนยิงขีปนาวุธหลายลูกข้ามไต้หวัน ตกในน่านน้ำขณะทำการซ้อมรบใหญ่ในช่องแคบไต้หวันวันแรก เพื่อตอบโต้กรณี "แนนซี เพโลซี" ประธานสภาผู้แทนฯสหรัฐเยือนไต้หวัน
ด้าน นักวิเคราะห์มองว่า จีนนำกำลังล้อม 6 จุดรอบ เกาะไต้หวัน ในการซ้อมรบช่วง 3 วันนี้ เป็นการส่งสัญญาณถึงมาตรการตอบโต้ไต้หวันทั้งการปิดล้อมน่านฟ้า-น่านน้ำ และตัดการขนส่งสินค้าทางเรือ ส่วนการช่วยเหลือจากตะวันตกทำได้ยากมากกว่ายูเครนที่มีพื้นที่ติดโปร์แลนด์
กระทรวงกลาโหมไต้หวัน ตรวจสอบพบกองทัพ PLA ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ยิงขีปนาวุธหลายลูกตกในน่านน้ำรอบไต้หวัน ระหว่างการซ้อมรบทางทะเลวันแรกของกองทัพจีน อาทิ ขีปนาวุธไฮเปอโซนิกตงเฟิง17 (DF-17) ซึ่งเป็นขีนาวุธความเร็วเหนือเสียงไม่ต่ำกว่า 5 มัค
นอกจากนี้ ยังซ้อมยิงขีปนาวุธตงเฟิง DF-41 มีระยะทำการถึง 15,000 กิโลเมตร และขีปนาวุธนำวิถี PCL 191 ballistic missiles (MLRS) จากเกาะผิงถาน มณฑลฝูเจี้ยน ข้ามน่านฟ้าไต้หวัน เป็นระบบขีปนาวุธที่มี ระยะยิงสูงสุดประมาณ 350 กิโลเมตร
โดยขีปนาวุธตงเฟิงของ PLA นั้นประกอบด้วย ขีปนาวุธพิสัยใกล้, ขีปนาวุธพิสัยกลาง, ขีปนาวุธพิสัยไกล และขีปนาวุธข้ามทวีป
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมไต้หวัน เผยว่า ขีปนาวุธของจีนได้ตกในน่านน้ำทางตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ของไต้หวัน เมื่อเวลาประมาณ 13.56 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นการบั่นทอนสันติภาพในภูมิภาค
ด้าน กระทรวงกลาโหมไต้หวัน ยังยืนยันเมื่อวานนี้ว่า เครื่องบินรบของจีน 27 ลำ บินเข้าไปอยู่ภายในเขตป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวัน (ADIZ) ทำให้เมื่อวานนี้ ไต้หวันต้องรีบส่งเครื่องบินรบไอพ่นขึ้นบิน และเตือนเครื่องบินจีนให้ออกไปจากเขตดังกล่าว
ทางไต้หวันยังได้ประกาศเตือนเรือต่าง ๆ ให้เปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่น เพื่อเลี่ยงการซ้อมรบของจีน
ขณะที่สายการบินโคเรียนแอร์ และสายการบินเอเชียน่าแอร์ไลน์ (Asiana Airlines) สั่งยกเลิกเที่ยวบินไปไต้หวันเป็นเวลาหนึ่งหรือสองวัน เนื่องจากจีนเริ่มซ้อมรบทางทหารใกล้เกาะไต้หวัน
สำนักข่าวรอยเตอร์ยังรายงานเพิ่มเติมโดยอ้างกระทรวงกลาโหมไต้หวันว่า มีโดรนหลายลำที่ระบุที่มาไม่ได้ บินเหนือหมู่เกาะจินเหมิน (Kinmen) เกาะยุทธศาสตร์ด่านหน้าของไต้หวัน อยู่ห่างจากเมืองเซียะเหมิน ในมณฑลฝูเจี้ยน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ประมาณ 6 กิโลเมตรเท่านั้น
ทำให้ทางกองทัพไต้หวันต้องยิงพลุแฟลร์ (flare) ขับไล่โดรนเหล่านั้นออกไป เป็นไปตามขั้นตอนปฏิบัติการมาตรฐาน และการประกาศเตือนภัยยังคงอยู่ในระดับปกติ เชื่อว่า จีนส่งโดรนเหล่านี้เข้ามาเพื่อเก็บข้อมูลเรื่องการวางกำลังรักษาความมั่นคงตามเกาะรอบนอกของไต้หวัน
ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน กล่าวว่า ไต้หวันกำลังเผชิญภัยคุกคามทางทหารที่ถูกยกระดับขึ้นโดยจงใจ ขณะนี้ไต้หวันยังคงใช้ประกาศเตือนภัยรับมือจีนที่ประกาศซ้อมรบเพื่อตอบโต้การเยือนของนางแนนซี เพโลซี
ขณะที่ หวังอี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศจีน กล่าวว่า สหรัฐฯ ละเมิดอธิปไตยของจีน ภายใต้หน้ากากของสิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตย พร้อมกับเตือนว่า ใครที่เล่นกับไฟ จะไม่พบกับจุดจบที่ดี และใครที่ละเมิดจีนจะได้รับการลงโทษ
กระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน ประณามการซ้อมรบครั้งนี้ ซึ่งในจำนวน 6 จุด ได้เน้นในฝั่งเหนือและใต้ของเกาะไต้หวัน เสมือนเป็นการปิดล้อมโดยอัตโนมัติ เนื่องจากพื้นที่ซ้อมรบทางใต้ อยู่ใกล้กับเส้นทางเดินเรือเข้าและออกเมืองเกาสง และพื้นที่ซ้อมรบทางเหนือคือการปิดท่าเรือเมืองจีหลง
หนึ่งในท่าเรือใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ซึ่งท่าเรือเกาสง นับว่าเป็นท่าเรือคอนเทนเนอร์ระดับโลก แต่ละปีเรือเข้าเทียบท่ากว่า 5,000 ลำ สินค้าผ่านท่า ต่อปี 18.9 ล้านตัน และตู้คอนเทนเนอร์ 9.8 ล้านตู้
ส่วนท่าเรือเมืองจีหลง ทางเหนือ ใกล้กับกรุงไทเป มี เรือเข้าเทียบท่ากว่า 3,000 ลำ ตู้คอนเทนเนอร์ 1.7 ล้านตู้ ซึ่งเศรษฐกิจใต้หวันมีการนำเข้าส่งออกสูงถึง 1.24 เท่าของจีดีพี
นักวิเคราะห์มองว่า หากไต้หวันถูกปิดน่านน้ำค้าขายต่างประเทศไม่ได้ เศรษฐกิจจะพังทลาย การซ้อมรบช่วง 3 วันนี้ ถือเป็นสัญญาณเตือนกรณีเกิดสงคราม ซึ่งไต้หวันจะเสียเปรียบกว่ายูเครน เพราะชาติตะวันตกสามารถส่งอาวุธได้ทางบก ผ่านโปแลนด์ แต่ไต้หวันต้องฝ่าออกแต่ทางทะเลเท่านั้น
นักวิจารณ์ด้านการทหารในฮ่องกง เผยว่า ดูเหมือนว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนต้องการซ้อมปิดล้อมไต้หวัน ในกรณีที่ต้องทำสงครามในภายหลัง ตามที่กองบังคับการภาคตะวันออกของจีนประกาศว่า เป็นการซ้อมรบร่วมหลายกองกำลัง
ส่วนนักวิชาการด้านความมั่นคงในสิงคโปร์มองว่า การเยือนไต้หวันของเปโลซีทำให้จีนตกอยู่ในสภาวการณ์ที่ต้องแสดงการตอบโต้อย่างเด็ดขาด แต่ในขณะเดียวกันต้องพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้กลายเป็นความขัดแย้งลุกลามไปเต็มรูปแบบ
เพราะถึงแม้จีนพยายามหลีกเลี่ยง ก็ยังมีความเป็นไปได้สูงที่สถานการณ์จะทวีความรุนแรงโดยไม่ตั้งใจ เครื่องบินลาดตระเวนของสหรัฐและไต้หวันอาจใช้การซ้อมรบของจีนเป็นโอกาสทดสอบระบบและการสื่อสารทางทหารของจีน หากจีนตอบโต้ก็จะเกิดอันตรายได้.