คมนาคม มั่นใจรองรับประชาชนเดินทางกลับกรุง ด้วยขนส่งระบบ ราง-บก มีเพียงพอ

วันนี้( 3 ม.ค.65)  นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพมหนครมากที่สุด โดยทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้มีการเตรียมความพร้อม โดยจัดเพิ่มขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสาร 2 ขบวน ได้แก่ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 5 เส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ และขบวนรถเร็วที่ 934 อุบลราชธานี-กรุงเทพ และวันพรุ่งนี้ (4 ม.ค. 2565) มีเพิ่ม 1 ขบวน คือ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 6 เชียงใหม่-กรุงเทพ พร้อมเพิ่มตู้โดยสารไปกับขบวนรถไฟทางไกล เพื่อรองรับการเดินทางประชาชนให้เพียงพอ

ขณะที่สถิติผู้เดินทางด้วยระบบราง เมื่อวานนี้ (2 ม.ค. 2565) ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของเทศกาลปีใหม่ 2565 มีประชาชนมาใช้บริการระบบรางรวมจำนวน 422,002 คน เพิ่มจากวันที่ 1 ม.ค. 2565 จำนวน 10,650 คน หรือเพิ่มขึ้น 2.59% แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จำนวน 43,301 คน และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและรถไฟชานเมือง(สายสีแดง) จำนวน 378,701 คน 

ทั้งนี้ จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการระบบรางสะสม 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2564-2 ม.ค. 2565 มีประชาชนใช้บริการระบบราง 2,748,392 คน ประกอบด้วย รถไฟระหว่างเมืองของ ร.ฟ.ท. มีผู้ใช้บริการรวม 218,119 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 88,330 คน และผู้โดยสารเชิงสังคม 129,789 คน โดยมีผู้โดยสารขาออกสะสม 114,172 คน และขาเข้า 103,947 คน โดยสายใต้มีผู้ใช้บริการมากสุดถึง 66,297 คน 

ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับหลังสิ้นสุดเทศกาลปีใหม่ 2565 กรมการขนส่งทางบกเตรียมความพร้อมทุกมาตรการเพื่อรับคนกลับจากบ้าน โดยมีมาตรการตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดรถ จุด Checking Point และจุด Rest Area ทั่วประเทศ 

ล่าสุดวันที่ 2 ม.ค. 2565 ตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะ และคนขับรถแล้ว 10,440 คัน/คน พบรถบกพร่อง 3 คัน โดยแบ่งเป็นกรณีระบบ GPS ไม่พร้อมใช้งาน จำนวน 2 คัน ซึ่งได้สั่งให้มีการเปลี่ยนรถทันที 1 คัน และออกคำสั่งผู้ตรวจการ 1 คัน และอีก 1 คัน เป็นกรณีน๊อตปั๊มคลัชหลุด 3 ตัว ซึ่งได้สั่งให้เปลี่ยนรถทันที รวมสะสมวันที่ 29 ธ.ค. 2564 - 2 ม.ค. 2565 ตรวจรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถแล้ว 47,244 คัน/คน เน้นย้ำรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถต้องมีความพร้อมในการให้บริการอย่างปลอดภัยทุกคันทุกคน และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด 

ที่มา: กระทรวงคมนาคม

ภาพประกอบ : พีอาร์ คมนาคม