TNN เตือน! สุโขทัย น้ำขึ้นสูงสุดพรุ่งนี้ -"จักรพงษ์" มั่นใจน้ำไม่ท่วมกทม.

TNN

การเมือง

เตือน! สุโขทัย น้ำขึ้นสูงสุดพรุ่งนี้ -"จักรพงษ์" มั่นใจน้ำไม่ท่วมกทม.

เตือน! สุโขทัย น้ำขึ้นสูงสุดพรุ่งนี้ -จักรพงษ์ มั่นใจน้ำไม่ท่วมกทม.

"สุโขทัย" รับมือน้ำขึ้นสูงสุดพรุ่งนี้ (27ส.ค.) ระดมกำลังปกป้องตัวเมืองพื้นที่เศรษฐกิจ ลุ้นพายุจ่อคิวอีกรอบ ก.ย.นี้ "พิจิตร-นครสวรรค์" รอรับน้ำต่อจากสุโขทัย ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา น้ำน้อยกว่าปี 2554 "จักรพงษ์" มั่นใจไม่ท่วม กทม.

วันนี้ (26ส.ค.67) นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามสถานการณ์น้ำในภาพรวมว่า แต่ละจังหวัดจะเป็นเจ้าภาพ ในการประสานความช่วยเหลือ ประชาชนอย่างเต็มที่ ในส่วนของสถานพยาบาล จะได้รับการปกป้อง เพื่อให้พร้อมสำหรับให้ความช่วยเหลือประชาชน

สำหรับสถานการณ์ฝนตกจะเริ่มน้อยลงในช่วงวันที่ 29-31 สิงหาคมนี้ จึงเป็นช่วงที่จะเร่งระบายน้ำให้เร็วที่สุด 

ขณะที่ การให้บริการอินเตอร์เน็ตในพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ประสานสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อประสานผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ  ขยายสัญญาณในพื้นที่ประสบภัยทั้งหมด 

ส่วนปริมาณน้ำฝนในปัจจุบันน้อยกว่าปี 2554 อย่างมีนัยยะสำคัญ จึงเชื่อมั่นว่า น้ำจะไม่ท่วมพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน

ส่วนงบประมาณเยียวยามี 3 ส่วน คือ
1. งบประมาณของรองนายกรัฐมนตรี 
2. งบประมาณของผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีอยู่แล้ว 50 ล้านบาท แต่จะทำเรื่องขอขยายวงเงิน เพิ่มเติม เพื่อไว้รองรับหากเกิดสถานการณ์อื่น ตามมา 
3. งบประมาณของหน่วยงาน ที่จะเสนอขอมาโดยตรงเพื่อจัดซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์ระบายน้ำ เช่น เครื่องสูบน้ำ

ด้านนายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำล่าสุดในจังหวัดสุโขทัย จะขึ้นสู่ระดับสูงสุด ในวันพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ถ้าผ่านพ้นไปได้ ก็จะ สามารถรักษา พื้นที่เมือง ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัดไว้ได้

จากนั้น น้ำจะไหลลงสู่จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และ นครสวรรค์ตามลำดับ ซึ่งพื้นที่ลุ่มต่ำของจังหวัดพิจิตรอาจได้รับผลกระทบบ้าง เนื่องจากปริมาณน้ำจำนวนมาก จะมีการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ร่วมกัน ให้เตรียมพร้อมรับมือ  น้ำส่วนหนึ่งจะไหลเข้าทุ่ง เป็นผลจากผนังกั้นน้ำพังทลาย แต่จะเร่งระบายโดยเร็ว

เนื่องจากมีการประเมินว่า ในเดือนกันยายนนี้ มีแนวโน้มจะมีปริมาณฝนมากอีกครั้ง คาดว่า อาจมีพายุเข้า 1-2 ลูก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมที่กำลังได้รับผลกระทบอยู่ในขณะนี้ ต้องเผชิญ กับปริมาณฝนมากอีกครั้ง จึงต้องเร่งระบายน้ำ ออกจากลอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่างๆไว้รองรับ 

สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่จะรับน้ำจากจังหวัดพิจิตร ซึ่งจะมารวมกันอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ ขาดการปริมาณน้ำอยู่ที่ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจะอยู่ที่ 700-1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงจะไม่ส่งผลกระทบ เป็นน้ำท่วมหนักเหมือนในปี 2554 เพราะในปีดังกล่าว มีการระบายน้ำ ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาสูงถึง 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ยอมรับว่า จะส่งผลกระทบกับประชาชนที่อาศัยอยู่นอกคันกั้นน้ำ บริเวณจังหวัดอ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ชัยนาท และ สิงห์บุรีบางส่วน แต่ภาครัฐจะแจ้งเตือนเรื่องการยกของขึ้นที่สูงให้รับทราบทันที

ที่มาข่าว:TNN

ข่าวแนะนำ