ฤดูฝน 2568! สทนช. คาดมาเร็ว เตรียมปรับแผนระบายน้ำ 21 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์น้ำและขับเคลื่อนแผนบูรณาการการแจ้งเตือนอุทกภัยทั้งระบบ ครั้งที่ 3/2568 เพื่อรับทราบการรายงานสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และการคาดการณ์ และพิจารณาแผนปฏิบัติการภายใต้แผนบูรณาการแจ้งเตือนอุทกภัยทั้งระบบ ร่วมกับ 14 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังอยู่ในสถานการณ์ลานีญา คาดว่าแนวโน้มฤดูฝนปีนี้ค่อนข้างมาเร็ว และมีปริมาณฝนโดยรวมใกล้เคียงค่าปกติหรือมากกว่าค่าปกติเล็กน้อย โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคม ที่มีแนวโน้มปริมาณฝนมากกว่าค่าปกติ 

ทั้งนี้ สทนช. ได้คาดการณ์ปริมาณน้ำของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในเกณฑ์น้ำมาก มีจำนวน 21 แห่ง จากทั้งหมด 35 แห่ง แบ่งเป็นพื้นที่ภาคเหนือ 6 แห่ง  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 แห่ง  ภาคกลาง 1 แห่ง  ภาคตะวันออก 5 แห่ง  ภาคตะวันตก 1 แห่ง และภาคใต้ 1 แห่ง 

ฤดูฝน 2568! สทนช. คาดมาเร็ว เตรียมปรับแผนระบายน้ำ 21 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่

สรุปข่าว

สทนช. หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมปรับแผนการระบายน้ำ 21 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เตรียมพื้นที่รับน้ำก่อนฝนมา หลังคาดการณ์ฤดูฝนปีนี้ปริมาณน้ำอาจเต็มความจุพร้อมเร่งขับเคลื่อนแผนบูรณาการการแจ้งเตือนอุทกภัยทั้งระบบ เพิ่มขีดความสามารถการคาดการณ์-แจ้งเตือนภัยได้อย่างแม่นยำ

ซึ่งคณะทำงานฯ จะต้องร่วมกันวิเคราะห์การปรับแผนการระบายน้ำเป็นรายอ่างทั้ง 21 แห่งอย่างละเอียด  เนื่องจากมีแนวโน้มปริมาณน้ำเต็มความจุของอ่างฯ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการบริหารจัดการปริมาณน้ำรองรับสถานการณ์ฝนล่วงหน้า ที่จะต้องเร่งพิจารณาปรับแผนเพื่อระบายน้ำล่วงหน้าก่อนจะถึงเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อเตรียมพื้นที่รับน้ำในช่วงฤดูฝน

อีกทั้งประชาชนและเกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์จากปริมาณน้ำที่ได้ระบายในช่วงฤดูแล้งด้วย เช่น ทำการเพาะปลูกพืชหรือใช้ประกอบอาชีพต่างๆ ดีกว่าจะไปดำเนินการเร่งระบายน้ำในช่วงน้ำหลาก ที่อาจส่งผลกระทบกับพื้นที่ท้ายน้ำและสูญเสียน้ำโดยเปล่าประโยชน์

ภายหลังการประชุมคณะทำงานวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์น้ำ เลขาธิการ สทนช. ได้แถลงข่าวการจัดงานเนื่องในวันน้ำโลก ประจำปี พ.ศ. 2568  ซึ่งตรงกับวันที่ 22 มีนาคม ของทุกปีเป็น เพื่อกระตุ้นให้ทั่วโลกร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำ ซึ่งปีนี้จัดในประเด็นที่ UN กำหนด คือ "Glacier Preservation" หรือ "การอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง" เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบโดยตรงต่อธารน้ำแข็งซึ่งเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของโลกราว 18,600 จุด ในพื้นที่มรดกโลก 50 แห่ง คิดเป็นพื้นที่กว่า 66,000 ตารางกิโลเมตร ที่กำลังละลายอย่างรวดเร็ว และคาดว่ากว่า 1 ใน 3 ของจำนวนธารน้ำแข็งทั้งหมดจะหายไปในอีกไม่ถึง 30 ปีข้างหน้า

ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำสายสำคัญ ระดับน้ำทะเล ระบบนิเวศชายฝั่ง การเกิดอุทกภัยและการสูญเสียแหล่งน้ำจืดสำหรับการอุปโภคบริโภค เกษตรกรรม ความมั่นคงทางอาหาร ไปจนถึงอุตสาหกรรมทั่วโลก

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : TNN