แพทย์ไม่แนะนำเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป กินยาแก้แพ้-ลดไข้ ก่อนฉีดวัคซีนไฟเซอร์
ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ไม่แนะนำให้เด็กกลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไป ที่จะรับวัคซีนไฟเซอร์ กินยาลดไข้ และยาแก้แพ้ก่อนเข้าฉีดวัคซีน เพราะจะทำให้ภูมิคุ้มกันไม่สูงขึ้น พร้อมแนะนำวิธีรับมือป้องกันอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังฉีดวัคซีน
ภาพจาก TNN ONLINE
วันนี้ (11 ก.ย.64) ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว TNN ช่อง 16 แนะนำการเตรียมความพร้อมก่อนฉีดวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป โดยระบุว่า เพื่อป้องกันผลข้างเคียงรุนแรง ถึงขั้นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โดยเฉพาะเด็กผู้ชายในสหรัฐอเมริกา มักพบว่า มีอาการ 66 คน ใน 1 ล้านคน ผู้หญิงมีอาการ 8 คน ใน 1 ล้านคน
ดังนั้น กลุ่มเด็ก 12-18 ปี ในไทย ก่อนจะไปฉีดวัคซีน ควรดื่มน้ำในปริมาณมากหรือตามปกติที่ควรดื่มวันละ 1-2 ลิตร ให้เลือดหมุนเวียนดี และพักผ่อนให้เพียงพอ ที่สำคัญไม่แนะนำให้ทานยาลดไข้ และยาแก้แพ้ก่อนไปฉีดวัคซีน เพราะจะช่วยให้หลังฉีดจะได้ภูมิคุ้มกันต่ำ
"ก่อนจะฉีดวัคซีนแนะนำให้ดื่มน้ำ พักผ่อนให้เพียงพอ แต่การกินยาแก้ไข้หรือยาแก้แพ้ก่อนจะฉีดวัคซีนนั้น ไม่แนะนำ เพราะเราดูแล้วว่าวัคซีนอื่นในเด็ก เวลาให้ยาเหล่านี้ไปก่อนฉีดวัคซีน จะทำให้ภูมิขึ้นน้อยลง เพราะลดการอักเสบลง ทำให้การต่อต้านเชื้อโรค ภูมิที่เกิดขึ้นน้อยลงไปด้วย แต่เราจะให้หลังจากที่ฉีดวัคซีนไปแล้วหากมีไข้หรือปวด ส่วนยารักษาโรคปกติที่กินอยู่ทุกวันไม่จำเป็นต้องงด" ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย อธิบาย
ส่วนการปฏิบัติหลังฉีดวัคซีน เพื่อช่วยลดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบต้องงดออกกำลังกายหนักๆ นาน 1 สัปดาห์ ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะใช้ในกลุ่มเด็กแล้ว ยังใช้ได้กับกลุ่มคนทั่วไปด้วย
ทั้งนี้ ศ.เกียรติคุณ นพ.สมศักดิ์ ระบุว่า แม้กลุ่มที่มีผลข้างหลังฉีดไฟเซอร์ ส่วนใหญ่จะพบมีไข้สูง ตั้งแต่การรับเข็มแรก และเข็มสอง จะมีอาการไข้หนักกว่า ดังนั้นจึงสามาถทานยาลดไข้ได้ ซึ่งอาการนี้กายได้ หากมีอาการปวดที่แขน สามารถประคบเย็นได้ ส่วนอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หายได้เช่นกัน แต่ยังไม่ข้อกังวลในระยะยาว ว่าจะทำให้ป่วยอาการนี้เรื้อรังหรือไม่
สำหรับกรณีมีข้อสงสัยว่า หากเปลี่ยนมาฉีดซิโนฟาร์มให้เด็กกลุ่มนี้แทน จะดีหรือไม่ ศ.เกียรติคุณ นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีผลการศึกษารับรองการฉีดยี่ห้อนี้ในเด็ก รวมทั้งโมเดอร์นาด้วย ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ยังให้การรับรองการใช้วัคซีนในเด็กเพียงแค่ไฟเซอร์เท่านั้น จึงมองว่าควรใช้ตาม WHO รับรองก่อน.