โควิด-19 วันนี้ ไทยติดเชื้อเพิ่ม 14,176 ราย เสียชีวิต 228 ราย
ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ วันนี้ พบมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 14,176 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 228 ราย
วันนี้ (8 ก.ย.64) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,176 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 11,940 ราย จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 1,714 ราย และจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 506 ราย ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 16 ราย มาจากแคนาดา อินโดนีเซีย ตุรกี ประเทศละ 1 ราย ฟิลิปปินส์ เมียนมา (ช่องทางธรรมชาติ) ลาว (ช่องทางธรรมชาติ) ประเทศละ 2 ราย กัมพูชา (ช่องทางธรรมชาติ) 3 ราย และมาเลเซีย (ช่องทางธรรมชาติ) 4 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อเข้าข่าย ATK 2,372 ราย
วันนี้พบผู้เสียชีวิต 228 ราย เป็นชาย 113 ราย หญิง 115 ราย อายุ 6 เดือน - 100 ปี (อายุเฉลี่ย 69.5 ปี) โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 165 ราย (72%) และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 42 ราย (18%), ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 17 ราย (8%), หญิงตั้งครรภ์ 1 ราย (0.4%), เด็กเล็ก 3 ราย (1.3%)
สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงล่าสุดอยู่ที่ 1,322,519 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มขึ้น 16,769 ราย ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 13,511 ราย
จังหวัดที่พบการรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด 10 อันดับแรกของวันนี้ อันดับแรก กรุงเทพฯ 3,691 ราย รองลงมา สมุทรปราการ 955 ราย ชลบุรี 846 ราย สมุทรสาคร 641 ราย ราชบุรี 528 ราย ระยอง 473 ราย พระนครศรีอยุธยา 388 ราย สงขลา 369 ราย นนทบุรี 362 ราย และนราธิวาส 332 ราย
นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวถึงผลประชุมคณะอนุกรรมการกำกับ ติดตาม และประเมินผล มาตรการด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า ได้มีการติดตามผลการฉีดวัคซีนในกทม. การฉีดเป็นไปตามเป้าหมาย และได้กำชับให้โรงพยาบาลเอกชนให้ฉีดต่อเนื่อง และได้มีการหารือการเตรียมความพร้อมการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มนักเรียนอายุ 12-17 ปี ซึ่งมี 4 แสนกว่าคน โดยฉีดให้กับนักเรียนในระดับมัธยมต้น มัธยมปลาย และระดับปวช. และการฉีดในแคมป์ก่อสร้างกทม. สำนักงานประกันสังคม ได้ฉีดตั้งแต่ 8 กรกฎาคมจนถึงปัจจุบัน มีฉีดไปแล้ว 61,841 ราย ใน 606 แคมป์ ซึ่งคาดว่าจะฉีดได้ทั้งหมดภายใน 10 กันยายน
นพ.เฉวตสรร ย้ำว่า แนวโน้มประเทศไทย ตั้งแต่มีการปรับมาตรการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. แนวโน้มผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังขอความร่วมมือปฏิบัติตัวอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง
ส่วนการตั้งข้อสังเกตุว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อในแต่ละวันน้อยลง เป็นผลจากการตรวจหาผู้ติดเชื้อน้อยลงหรือไม่นั้น นพ.เฉวตสรร ชี้แจงว่า ทางสาธารณสุขให้การสนับสนุนเปิดให้เข้าถึงการตรวจเต็มที่ แต่ธรรมชาติของการระบาด ซึ่งในช่วงกลางเดือนสิงหาคม เมื่อมีผู้ป่วย 1 ราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงหลายราย แต่เมื่อจำนวนผู้ป่วยลดลง คนที่สัมผัสเสี่ยงสูงก็น้อยลงไปด้วย และยืนยันว่า ไม่ได้ปิดกั้นการตรวจและยังให้ความสำคัญตรวจเชิงรุกมาโดยตลอด
ส่วนกรณีที่ไม่นำผล ATK มารับรวมยอดผู้ป่วยรายวันนั้น เนื่องจาก ทางสาธารณสุขยึดตามหลักวิชาการอิงตามองค์การอนามัยโลก ถึงไม่นำไปรับรวม แต่ก็มองเห็นตัวเลขทั้งหมด
ส่วนกลุ่มก้อนการระบาดที่ยังเจอผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง คือ กลุ่มโรงงาน สถานประกอบการ แคมป์คนงาน โดยขณะนี้ มีจำนวน 318 คลัสเตอร์ รองลงมาคือการระบาดในตลาด ชุมชน ครอบครัว จำนวน 131 คลัสเตอร์ ขณะที่การระบาดในร้านอาหารหรือสถานบันเทิง พบ 3 คลัสเตอร์ แต่แม้ว่ามีการระบาดไม่มาก แต่จำยังจำเป็นต้องเฝ้าระวัง หลังภาครัฐผ่อนคลายปรับมาตรการ เช่นเดียวกับสำนักงาน โรงเรียน สถานศึกษา ที่พบกลุ่มก้อนการระบาดจำนวน 12 คลัสเตอร์ อย่างไรก็ตาม ยังพบการระบาดในวงพนัน สุรา พิธีทางศาสนา และสถานพยาบาล จึงขอเน้นย้ำเรื่องมาตรการในการป้องกันตนเองสูงสุด Universal Prevention
กรณีนักวิชาการตั้งคำถามฉีดได้แล้ว เข็มที่ 1 ไปแล้ว 50% นั้น เป็นการเทียบจากเป้าหมายการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้ประชาชนจำนวน 50 ล้านคน ซึ่งในขณะนี้ฉีดได้แล้ว 25 ล้านคน หรือเทียบเท่ากับ 50% ซึ่งจะนำข้อคิดเห็นไปปรับปรุงในรายละเอียดในการนำเสนอข้อมูลเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนต่อไป
ขณะที่สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดวันนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวม 222,737,866 ราย เสียชีวิต 4,599,534 ราย โดยประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับแรก สหรัฐอเมริกา 41,206,672 ราย อันดับ 2 อินเดีย 33,095,450 ราย อันดับ 3 บราซิล 20,913,578 ราย อันดับ 4 สหราชอาณาจักร 7,056,106 ราย และอันดับ 5 รัสเซีย 7,047,880 ราย ส่วนประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ในอันดับที่ 29
ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูล COVID-19