เปิดผลศึกษากรมวิทย์ฯ วัคซีนไขว้ "ซิโนแวค-แอสตร้าฯ" สู้โควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ดี
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลทดสอบวัดภูมิคุ้มกันของกลุ่มผู้รับวัคซีนแต่ละสูตรในการต่อสู้กับสายพันธุ์เดลต้า พบว่าการฉีดสลับสูตรซิโนแวคเข็มที่ 1 ต่อด้วยแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2 ภูมิขึ้นกันขึ้นสูงใกล้เคียงการฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม
วันนี้ (19 ส.ค.64) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยงานวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เกี่ยวกับการฉีดวัคซีน การตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อสู้กับโควิดสายพันธุ์เดลต้า ที่กำลังระบาดในไทย โดยใช้หลักการนำเอาน้ำเลือดไปเจือจางรวมกับเชื้อไวรัสเดลต้าในหลอดทดลอง ซึ่งผลการศึกษาการฉีดวัคซีนสูตรต่างๆ โดยให้ค่าหากสูงกว่า 10 สามารถต่อสู้กับสายพันธุ์เดลต้าได้ ผลการศึกษาพบดังนี้
- วัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 25
- วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มแรกต่อด้วยวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 2 ค่าเฉลี่ยเท่ากับซิโนแวค 2 เข็ม คือ 25
- วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ค่าเฉลี่ย 76
- การสลับสูตรฉีดวัคซีน คือ วัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 ต่อด้วยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 78 สามารถจัดการเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ดีกว่าทุกสูตร
ส่วนการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ในกลุ่มทดลอง 14 ราย พบว่า สูตรแรก รับเข็ม 3 ด้วย ซิโนฟาร์ม หลังจากรับซิโนแวคแล้ว 2 เข็ม ภูมิขึ้นที่ 61 ถือว่าภูมิคุ้มกันขึ้นมาไม่สูงมากนัก เป็นเป็นชนิดเชื้อตายเหมือนกัน
แต่หากเป็น การฉีดแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 3 หลังรับซิโนแวค 2 เข็ม พบว่า สามารถสู้โควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ดีมาก ภูมิสูงขึ้น 271 ส่วนการทดลองฉีดไฟเซอร์เข็มที่ 3 ยังไม่มีข้อมูล เพราะเพิ่งเริ่มการฉีดในบุคลากรทางการแพทย์ไป
ส่วนการวัดภูมิโดยภาพรวมไม่แยกสายพันธุ์ ในกลุ่มทดลอง 125 ราย เป็นชาย 61 ราย หญิง 64 ราย ช่วงอายุ 18-60 ปี พบว่า หากเป็นซิโนแวค 2 เข็ม ภูมิขึ้น 117 แอสตร้าเซเนก้า 2 เข็มภูมิขึ้น 207 แต่หากเป็นซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า ภูมิขึ้น 716 สำหรับการฉีดเข็มที่ 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์ ที่รับซิโนแวค 2 เข็มมาก่อน แล้วตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า พบว่า ภูมิสูงขึ้นมาก ค่าเฉลี่ยสูงประมาณ 1,700
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจะอยู่ได้นานแค่ไหน และการศึกษาจะได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นเพื่อตอบคำถามว่าประชาชนจะต้องฉีดเข็ม 3 หรือไม่ ซึ่งการศึกษาภายใน 3-6 เดือนจะชัดเจนขึ้น หลังจากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องจัดหาวัคซีนมาเป็นเข็มกระตุ้นหากภูมิคุ้มกันไม่เพียงพอต่อการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตต่อไป