สหรัฐฯ ยืนยันผู้ติดโควิดเสียชีวิต และเข้ารพ. ส่วนใหญ่ไม่ฉีดวัคซีน
ผู้อำนวยการซีดีซี และหัวหน้าทีมโควิด-19 ของทำเนียบขาว แถลงยอมรับผู้ป่วยโควิดในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกือบทั้งหมดอยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และยังพบผู้เสียชีวิตและผู้ที่เข้าโรงพยาบาล ส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเช่นกัน
วันนี้ (9 ก.ค.64) โรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือซีดีซี แถลงเมื่อวานนี้ว่า ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 11% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกือบทั้งหมดที่ติดเชื้อเป็นผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ขณะที่ ไวรัสสายพันธุ์ เดลต้า (Delta) กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศแล้ว
วาเลนสกี กล่าวว่า ประมาณ 90% ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกิดขึ้นในหลายประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำกว่า 40% ขณะที่ เจฟฟ์ ไซเอนต์ส หัวหน้าทีมตอบโต้โควิด-19 ประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยรุนแรงเข้าโรงพยาบาลทั่วประเทศเกือบทั้งหมด อยู่ในกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเช่นกัน ซึ่งวาเลนสกี กล่าวเสริมว่า ในหลายพื้นที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ จำนวนผู้ติดเชื้อและเข้าโรงพยาบาลจะสูง
ซีดีซี แถลงในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ว่า โควิดสายพันธุ์เดลต้า กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯไปเรียบร้อยแล้ว เดลต้า ซึ่งมีอัตราการติดเชื้อสูง ยังกลายเป็นสายพันธุ์หลักในหลายประเทศทั่วโลกด้วย
วาเลนสกี ระบุว่า จำนวนผู้ติดโควิดสายพันธุ์เดลต้า กำลังเพิ่มมากขึ้นในหลายประเทศ มีผู้ติดเชื้อแล้ว 9 ล้านคน
ด้าน ไซเอนต์ซ กล่าวว่า ทำเนียบขาววางแผนเร่งระดมความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางในการฉีดวัคซีนและรักษาผู้ป่วยโควิดในรัฐต่าง ๆ ทั้งอาร์คันซอส์, มิสซูรี, เนวาดา และอิลลินอยส์ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำเนียบขาวแถลงว่า จะส่งทีมชุดพิเศษไปยังพื้นที่ที่ยังมีการระบาดรุนแรงทั่วประเทศ เพื่อต่อสู้กับไวรัสเดลต้า ท่ามกลางตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ
ไซเอนต์ซ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทำเนียบขาวกำลังทำงานในการจัดหาวัคซีนป้อนสำนักงานของแพทย์ทั่วประเทศด้วย นอกจากนี้ การระบาดของไวรัสเดลต้า ทำอันตรายต่อคนหนุ่มสาวโดยเฉพาะ ผลการวิจัยพบว่า เดลต้าอาจเป็นสาเหตุให้หนุ่มสาวป่วยรุนแรงมากกว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์อื่น
วาเลนสกี้ กล่าวทิ้งท้ายว่า สหรัฐฯกำลังเห็นการระบาดของไวรัสที่ค่ายฤดูร้อนและกิจกรรมอื่น ๆ ในชุมชน