ซีดีซี ยอมรับ "โควิดสายพันธุ์เดลต้า" กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ยอมรับแล้วว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ หลังผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้นเกินครึ่งของผู้ติดเชื้อรายใหม่
วันนี้ (8 ก.ค.64) จากการประเมินครั้งใหม่ของซีดีซี ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลต้า (Delta) ซึ่งมีอัตราการแพร่กระจายเชื้อสูงและรวดเร็ว ขณะนี้ เป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในสหรัฐฯแล้ว คิดเป็น 51.7% ของผู้ติดเชื้อ ซึ่งก็เป็นไปตามที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขคาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ สำหรับสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งพบการระบาดครั้งแรกในอินเดีย แซงหน้าสายพันธุ์อัลฟ่า (Alpha) อย่างรวดเร็ว และจะเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดในสหรัฐฯ จนถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ ส่วนสายพันธุ์อัลฟ่า ที่พบระบาดครั้งแรกในอังกฤษ ขณะนี้ ลดลงมาเหลือเพียง 28.7% อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมแล้ว จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายใหม่ทั่วประเทศและผู้ป่วยรุนแรงเข้าโรงพยาบาลเฉลี่ย ลดลงต่อเนื่องจากช่วงที่รุนแรงที่สุดในการระบาดครั้งก่อนหน้า
แม้ว่าสายพันธุ์เดลต้า ระบาดง่ายและรวดเร็ว การวิจัยก็พบว่า วัคซีนทุกชนิดยังคงสามารถป้องกันไวรัสเดลต้าได้ดี และยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการเข้าโรงพยาบาลและการเสียชีวิตด้วย ตัวอย่างเช่นในอังกฤษ ซึ่งขณะนี้ ผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบทุกคนล้วนติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า และผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ แต่อัตราผู้ป่วยรุนแรงเข้าโรงพยาบาล เพิ่มขึ้นช้ามากและยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนในสัปดาห์หน้า จะเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่าอังกฤษจะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ที่เหลือส่วนใหญ่ ซึ่งรวมทั้งการสวมหน้ากากอนามัย ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้หรือไม่
สำหรับสหรัฐฯ จนถึงวันอังคารที่ผ่านมา ผู้ใหญ่ประมาณ 67.1% ฉีดวัคซีนต้านโควิดแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม และ 58.3% ฉีดวัคซีนครบแล้ว ผลการศึกษาพบว่า การฉีดเข็มแรกสำหรับวัคซีนที่ต้องฉีด 2 เข็มนั้น ยังคงป้องกันไวรัสเดลต้าได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข จึงกระตุ้นให้ชาวอเมริกันรีบฉีดวัคซีนให้ครบเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนยังคงมีความเหลื่อมล้ำสูง ทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข กล่าวว่า สายพันธุ์เดลต้าเป็นภัยคุกคามต่อประชากรที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ซึ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ก็ออกมาเรียกร้องให้ชาวอเมริกันที่ยังลังเล รีบตัดสินใจเข้ารับวัคซีน โดยอ้างความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสเดลต้า
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน อาจต้องใช้มาตรการเชิงรุกมากขึ้น เพื่อกระตุ้นประชาชนฉีดวัคซีน รวมทั้งเรียกร้องให้บรรดานายจ้างและโรงเรียนบังคับฉีดวัคซีน ซึ่งจนถึงวันอังคาร เจ้าหน้าที่ฉีดวัคซีนเฉลี่ยประมาณ 0.87 ล้านโดสต่อวัน ลดลงประมาณ 74% จากช่วงที่สูงที่สุด 3.38 ล้านโดสในวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา
สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยไม่ถึง 15,000 รายต่อวัน มาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนมกราคม ซึ่งสหรัฐฯพบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 200,000 รายต่อวัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายวันมานี้ จำนวนเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นการระบาดในท้องถิ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ รวมทั้งหลายพื้นที่ในรัฐมิสซูรี, อาร์คันซอส์ และเนวาดา
ขณะที่ ไวรัสสายพันธุ์เดลต้าระบาดไปทั่วโลก องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เน้นย้ำแนวทางปฏิบัติที่สำคัญให้ทุกคน ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ก็ตาม สวมหน้ากากอนามัยเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน แต่ซีดีซีไม่ได้เปลี่ยนแปลงคำแนะนำว่า คนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วสามารถถอนหน้ากากได้ในทุกสถานการณ์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐฯ แนะนำว่า ข้อเสนอแนะแบบครอบคลุมของ WHO นั้นได้รับข้อมูลจากทั่วโลก แต่หลายประเทศมีอัตราการเข้าถึงวัคซีนน้อยกว่าสหรัฐฯมาก