ผอ.สถาบันวัคซีนฯ โต้ 3 ปม ไทยปฏิเสธ บ.ไฟเซอร์ เสนอขายวัคซีน
ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน แถลงชี้แจงกรณีมีการส่งต่อข้อมูลในโซเชียลมีเดียว่า บริษัทไฟเซอร์ เคยเสนอขายวัคซีนให้กับรัฐบาลไทยแล้ว แต่ถูกปฎิเสธ 4 รอบ โดยไม่ต้องจ่ายเงินก่อน
วันนี้ (27 เม.ย.64) นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน แถลงชี้แจงกรณีมีการส่งต่อข้อมูลในโซเชียลมีเดียว่า บริษัทไฟเซอร์เคยเสนอขายวัคซีนให้กับรัฐบาลไทยแล้ว แต่ถูกปฎิเสธ โดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้สอบถามไปยังบริษัทไฟเซอร์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีการแชร์ในโซเชียลมีเดีย และนำข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจสอบมาชี้แจง 3 ข้อ คือ
1.กรณีมีการแชร์ว่า บริษัทไฟเซอร์เคยเสนอขายวัคซีนให้กับประเทศไทย 13 ล้านโดส
ไม่เป็นความจริง โดยทางบริษัทไฟเซอร์ยืนยันว่า ตัวเลขดังกล่าว เป็นเพียงตัวเลขที่ทางบริษัทไฟเซอร์ ทำเสนอให้กับบริษัทแม่ เพื่อเตรียมาใช้หารือกับกระทรวงสาธารณสุขของไทย โดยตัวเลขนี้ เกิดจากการประมาณการของบริษัท ที่อ้างอิงจากแผนการจัดหาวัคซีนเดิม ในปี 2563 ซึ่งเคยมีการตั้งไว้ว่าจะซื้อวัคซีนตรงกับผู้ผลิต หรือ แบบทวิภาคี ให้ครอบคลุมร้อยละ 10 ของจำนวนประชากร หรือราว 6.5 ล้านคน คนละ 2 โดส จึงเท่ากับ 13 ล้านโดส ซึ่งตัวเลขนี้ ทางบริษัทไฟเซอร์นำไปเสนอให้บริษัทแม่พิจารณาว่า จะสามารถจัดสรรได้จำนวนเท่านี้หรือไม่ ไม่ใช่ตัวเลขที่นำมาเสนอขายให้กับไทย
2.กรณีมีการแชร์ข่าวว่า การซื้อวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ ไม่ต้องใช้เงินซื้อ มีวัคซีนมาให้ใช้ก่อน จ่ายทีหลัง
ไม่เป็นความจริง เพราะการซื้อวัคซีนจะต้องจ่ายเงินจองตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา ไม่มีข้อเสนอการจัดส่งวัคซีนให้ใช้ก่อนแต่อย่างใด และในสถานการณ์ที่หลายประเทศทั่วโลกยังต้องแย่งชิงวัคซีนกัน คงไม่มีบริษัทผู้ผลิตรายใด ให้วัคซีนมาใช้ก่อนโดยที่ยังไม่จ่ายเงิน
3.กรณีข่าวว่า บริษัทไฟเซอร์เสนอขายวัคซีนให้กับรัฐบาลไทยถึง 4 รอบ แต่ถูกปฏิเสธ
ไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมานั้น บริษัทไฟเซอร์ได้เข้ามานำเสนอผลการวิจัยวัคซีนในระยะต่างๆ และผลการใช้จริงในต่างประเทศ ให้กับสถาบันวัคซีนแห่งชาติและกรมควบคุมโรครับทราบเป็นระยะ ไม่เคยมีการปฎิเสธการเข้าพบ ซึ่งผลการศึกษาวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ มีการพัฒนาไปเป็นระยะ และมีข้อมูลใหม่ๆเพิ่มเติม เช่น การจัดเก็บและการขนส่งวัคซีนทำได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม
มีข้อมูลใหม่สนับสนุนว่า วัคซีนสามารถใช้ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ รวมทั้งเงื่อนไขที่บริษัทสามารถส่งวัคซีนให้ไทยได้ภายในปี 2564 จึงมีการเจรจาพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อจองซื้อวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ โดยมีเป้าหมายจะนำวัคซีนมาใช้กับประชากรในกลุ่มอายุดังกล่าว เนื่องจากวัคซีนที่มีอยู่ปัจจุบันจะใช้ได้กับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จึงจะสามารถนำมาใช้ปิดช่องว่างในกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป และกลุ่มประชากรอื่นๆได้อีกด้วย
ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ยังเปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข มีเป้าหมายจะจัดหาวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดส เพื่อมาฉีดให้กับประชากรจำนวน 50 ล้านคนภายในปีนี้ ส่วนการผลิตวัคซีนที่ไทยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีของบริษัทแอสตราเซเนกา โดยบริษัทสยามไบโอไซแอนซ์ ล่าสุด ผลิตได้แล้ว 2 รุ่นการผลิต และส่งไปตรวจสอบคุณภาพที่ห้องปฎิบัติการกลางของบริษัทแอสตราเซเนกา ในสกอตแลนด์และสหรัฐอเมริกา
ล่าสุดผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพแล้ว หลังจากนี้จะมีขั้นตอนการส่งกลับมาบรรจุ และขั้นตอนอื่นๆ ก่อนส่งมอบ ส่วนวัคซีนรุ่นการผลิตอื่นๆ กำลังอยู่ระหว่างส่งตรวจสอบคุณภาพวัคซีน พร้อมย้ำว่า การผลิตวัคซีนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีขั้นตอนการผลิตที่ละเอียดมาก ต้องควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน และจะสามารถฉีดให้กับประชาชนตามแผนที่วางไว้ ช่วงต้นเดือนมิถุนายน หรืออาจจะเร็วกว่านั้น