สธ.ชี้ "เน็ตไอดอล" ป่วยโควิดกักตัวที่บ้าน ผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ
อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันยังไม่มีการล็อกดาวน์ประเทศ แต่จะใช้ควบคุมแต่ละพื้นที่เท่านั้น หลังสงกรานต์ขอความร่วมมือบ.เอกชน-หน่วยงานต่างๆ ทำงานที่บ้านลดความเสี่ยงแพร่ระบาดโควิด ชี้ปม "เส้นด้าย สอดอStyle" รักษาตัวอยู่บ้านหลังติดเชื้ออาจมีความผิดตามกฏหมาย
วันนี้ (13 เม.ย.64) ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันว่า จะยังไม่มีการล็อกดาวน์ประเทศ แต่จะใช้ควบคุมแต่ละพื้นที่เท่านั้น ส่วน หลังสงกรานต์นี้ ขอให้บริษัทเอกชน และ หน่วยงานต่างๆ ยึดตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ทำงานที่บ้านเต็มรูปแบบเพื่อลดการแพร่ระบาด และเพื่อพยายามควบคุมให้ผู้ติดเชื้อลดน้อยลงโดยเร็วที่สุด
ส่วนกรณีที่มีเน็ตไอดอลชื่อดัง "เส้นด้าย สอดอStyle" ไลฟ์เฟซบุ๊กแจ้งผลตรวจเป็นบวกติดโควิด-19 หลังแฟนหนุ่ม "ไวท์" ติดเชื้อไปก่อนหน้านี้ โดยได้กักตัวรักษาอาการอยู่บ้านหลังพบว่าติดเชื้อนั้น อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า นโยบายหลักของประเทศไทย ผู้ติดเชื้อยังคงต้องเข้าสู่ระบบการรักษาในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม หากมีอาการน้อย สาเหตุที่ทำไมต้องให้ผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อจะได้มีการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ถึงแม้อาการวันนี้จะดีแต่วันต่อไปอาจจะไม่ดีก็ได้ เมื่ออยู่โรงพยาบาลจะมีมาตรการเพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อไปสู่คนอื่น
โดยสายพันธุ์อังกฤษนี้ อาจทำให้การอยู่โรงพยาบาลของผู้ที่ติดเชื้อนานขึ้นเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล ซึ่งตอนนี้พบว่า ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการแต่มีอาการปอดบวมและมีอาการรุนแรงขึ้นได้ในภายหลัง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าสู่ระบบการดูแลของแพทย์
ประการที่สอง ผู้ติดเชื้อมีความเสี่ยงในการที่จะแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น ทางระบบทางเดินหายใจ การควบคุมดูแลผู้ติดเชื้อจึงมีความสำคัญ โควิด-19 ถือเป็นโรคติดต่ออันตราย ถ้าหากคณะกรรมการโรคติดต่อบอกให้ท่านมารักษา และท่านไม่มารักษาก็จะผิดกฎหมาย เนื่องจากโรคนี้ถูกกำหนดให้เป็นโรคติดต่ออันตรายตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนั้นสามารถเอาผิดได้ตามอํานาจความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 7 (2) และมาตรา 34 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558
สำหรับการตรวจหาเชื้อ จะแบ่งเป็นกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงที่จำเป็นจะต้องตรวจหาเชื้อและกับตัวเอง 14 วันส่วนกลุ่มอื่นให้เฝ้าระวังอาการ ยังคงแนะนำให้ตรวจครั้งแรกที่ทราบ และอีก 7 วันถึงจะตรวจครั้งที่ 2 จากนั้นหากมีอาการสงสัยก็ให้ตรวจครั้งที่ 3 รวมถึงขณะนี้มีความกังวลในเรื่องของสุขภาพจิตของผู้ติดเชื้อที่ถูกตีตราจากสังคม ทำให้หลายคนไม่ยอมอยู่โรงพยาบาลไม่ยอมไปตรวจหาเชื้อ
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า สำหรับการแพร่ระบาดโควิดรอบนี้ในเดือนเมษายนจะเกิดในคนไทย และส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงอายุวัยทำงาน วัยหนุ่มสาว อย่างไรก็ตาม เมื่อเจอผู้ติดเชื้อ1คน ต้องหาผู้สัมผัสเพิ่มเติม โดยเฉพาะผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เนื่องจากกลุ่มนี้จะต้องกักตัว 14 วัน และตรวจจากห้องปฏิบัติการ จากข้อมูล หากพบผู้ติดเชื้อ 1 คน จะมีกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงประมาณ 5 คน
โดยคนในครอบครัวจะมีโอกาสติดเชื้อร้อยละ 40 ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เกิดจากการพูดคุยเกิน 5 นาที อยู่ในห้องเดียวกันมากกว่า 15 นาที ไม่สวมหน้ากากอนามัยฯโอกาสติดเชื้อจะต่ำกว่าร้อยละ 10
หากเป็นกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้มีการยกตัวอย่าง กรณีนายอนุทินชาญ วีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ไปร่วมงานพรรคภูมิใจไทย และจากนั้นมีการพบผู้ที่ติดเชื้อ โดยนายอนุทินได้มีการใส่หน้ากากอนามัยฯ พูดคุยผู้ที่ติดเชื้อ ซึ่งทั้งคู่ใส่หน้ากากอนามัยฯ นายอนุทินถือว่าสัมผัสเสียงต่ำ ในกลุ่มนี้ให้สังเกตอาการตัวเอง หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูกให้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาเชื้อ และหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนให้ได้มากที่สุด ออกข้างนอกให้ใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งผลตรวจห้องปฏิบัติการล่าสุด ผลตรวจเชื้อนายอนุทินเป็นลบอยู่ ถือว่าปลอดภัยและสามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ แต่ยังต้องสวมหน้ากากอนามัยฯทางออกสู่ภายนอก
ทั้งนี้ ได้มีการคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ใน 1 เดือนข้างหน้า หากไม่มีการทำมาตรการใดๆเลยอาจทำให้พบผู้ติดเชื้อได้ 9,000 คนต่อวัน
ขณะที่ ภาพรวมการฉีดวัคซีนโควิด-19 ข้อมูลวันที่ 12 เมษายน มีการฉีดวัคซีน covid19 รวม 8,080 โดส ทำให้ยอดสะสมผู้รับวัคซีนตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ - 12 เมษายน อยู่ที่ 578,532 โดส ใน 77 จังหวัด
ทั้งนี้การฉีดวัคซีน covid 19 ในประเทศไทย ถือว่าเร็วกว่า ซึ่งไทยได้วัคซีน เดือนมีนาคม 2564 310,700 โดส เป้าหมาย 155,508 คน ฉีดไปแล้ว
158.497 คน ขณะที่ เมษายน 2564 ได้มาอีก 8 แสน โดส เป้าหมาย 4 แสนคน โดยฉีดไปแล้ว 346,718 คน รวมขณะนี้ไทยมีวัคซีน 1,110,700 โดส เป้าหมายที่ตั้งไว้ 555,350 คน โดยฉีดไปแล้ว 505,215 คน สำหรับการแพร่ระบาด covid 19 ในขณะนี้มี 2 จังหวัดที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดกรุงเทพมหานครที่ยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพวัคซีน 1 ล้านโดสจากซิโนแวค ตอนนี้ได้เสร็จสิ้นในกระบวนการตรวจสอบคุณภาพแล้ว อยู่ระหว่างการรอเอกสารจากประเทศจีน ที่จะส่งมาเพิ่มเติม จากนั้นทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็จะออกรายงานความปลอดภัย และจะมีการกระจายการวัคซีนให้ได้โดยเร็ว.