ติดโควิด-19 หลังวันที่ 1 ต.ค.2565 ต้องไปรักษาตัวที่ไหน?
สธ.ยุบศูนย์ EOC โควิด ระดับกระทรวง หลังปรับโควิด-19 เป็น "โรคติดต่อเฝ้าระวัง" ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 ผู้ป่วยโควิดอาการวิกฤตสีแดง ใช้สิทธิ UCEP Plus รักษาได้ทุกที่
สธ.ยุบศูนย์ EOC โควิด ระดับกระทรวง หลังปรับโควิด-19 เป็น "โรคติดต่อเฝ้าระวัง" ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 ผู้ป่วยโควิดอาการวิกฤตสีแดง ใช้สิทธิ UCEP Plus รักษาได้ทุกที่
วันนี้ (29 ก.ย.65) ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า ช่วงการระบาดของโรคโควิด 19 รัฐบาลต้องการอำนวยความสะดวกให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้รับบริการอย่างทั่วถึง เท่าเทียม
จึงกำหนดสิทธิ "UCEP COVID" ทำให้ผู้ติดเชื้อโควิดที่ไม่มีอาการและที่มีอาการทั้งระดับสีเขียว เหลือง แดง สามารถใช้สิทธินี้เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลได้ทุกที่ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
และเมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น วันที่ 16 มีนาคม 2565 จึงได้ปรับเป็น "UCEP Plus" กำหนดให้เฉพาะผู้ป่วยโควิดอาการสีเหลืองและสีแดงสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ ส่วนผู้ป่วยอาการสีเขียวต้องไปรับการรักษาที่สถานพยาบาลตามสิทธิ
หลัง 1 ต.ค.2565 หากติดโควิด-19 รักษาตัวที่ไหน?
ล่าสุด มีการประกาศปรับลดโรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง มีผลวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ "UCEP Plus" ใหม่ กำหนดดังนี้
- ผู้ป่วยโควิดอาการวิกฤตสีแดง
เช่น มีภาวะหัวใจหยุดเต้น ทางเดินหายใจอุดกั้น หายใจหอบเหนื่อย มีภาวะที่ทำให้อาการระบบทางเดินหายใจรุนแรง ไม่สามารถหายใจได้ มีภาวะช็อก ความดันโลหิตต่ำ หรืออาการอื่นๆ ที่นำไปสู่การเสียชีวิตโดยเร็ว สามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกที่
- ผู้ป่วยกลุ่มอาการสีเหลือง
เช่น กลุ่ม 608 ที่ไม่มีอาการ ให้ไปรับการรักษาที่สถานพยาบาลตามสิทธิสุขภาพ ได้แก่ ซึ่ง สพฉ.จะออกประกาศเกณฑ์ UCEP Plus ใหม่ ที่มีรายละเอียดชัดเจน ในวันที่ 30 กันยายนนี้ เพื่อให้ประชาชนและสถานพยาบาลรับทราบ
โดยมีศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต โทร. 0-2872-1669 เป็นหน่วยประสานระหว่างประชาชนและสถานพยาบาล ให้ข้อวินิจฉัยหรือคำแนะนำเมื่อมีข้อคิดเห็นไม่ตรงกัน
ทั้งนี้ สิทธิ UCEP Plus จะสามารถรับการรักษาได้จนกว่าจะหายป่วย แตกต่างกับ UCEP ปกติ ที่กำหนดให้การรักษาภาวะฉุกเฉินใน 72 ชั่วโมงแรก
อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่า แม้การระบาดจะไม่รุนแรงเหมือนเมื่อก่อน แต่ทุกคนยังมีโอกาสติดเชื้อได้ การป้องกันจึงยังเป็นมาตรการสำคัญ โดยขอให้สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง โดยเฉพาะพื้นที่สาธารณะที่มีคนจำนวนมาก.
ภาพจาก แฟ้มภาพ AFP