“เจ็บคอ” คออักเสบ คอแดง ในวันนี้ แตกต่างจากในวันวานอย่างไร?

ในช่วงเวลาของการสอบไล่ปลายภาคของเด็กวัยประถมกำลังจะมาถึง การสอบเข้าเรียนต่อของเด็กวัยมัธยมอัตราการแข่งขันก็สูง ความเครียดจากการเรียนการเตรียมสอบ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ประกอบกับอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ และ ฝุ่น pm 2.5 เองที่ยังไม่มีแนวโน้มจะลดลงง่าย ๆ 


การตื่นเช้ามาแล้ว “เจ็บคอ” ของทุกช่วงวัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ในวันนี้เป็นแค่เพียงการเจ็บคอทั่ว ๆ ไป หรือคุณกำลังเกิดการติดเชื้อ สเตร็ปเอ ทำให้ก่อ โรคไข้อีดำอีแดง กันแน่ ซึ่งบทความให้ความรู้โดย พญ.สิริรักษ์ กาญจนธีระพงค์ (ว 34129) กุมารแพทย์เฉพาะทางโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา ศูนย์สุขภาพเด็ก (Children’s Health Center) โรงพยาบาลนวเวช ได้อธิบายเกี่ยวกับอาการ การรักษา และการป้องกันโรคไข้อีดำอีแดง นำไปสู่การรักษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป

“เจ็บคอ” คออักเสบ คอแดง ในวันนี้ แตกต่างจากในวันวานอย่างไร?

สรุปข่าว

การตื่นเช้ามาแล้ว “เจ็บคอ” ของทุกช่วงวัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ในวันนี้เป็นแค่เพียงการเจ็บคอทั่ว ๆ ไป หรือคุณกำลังเกิดการติดเชื้อ สเตร็ปเอ ทำให้ก่อ โรคไข้อีดำอีแดง กันแน่

มาทำความรู้จัก โรคไข้อีดำอีแดง หรือ scarlet fever ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจาก toxin ของเชื้อแบคทีเรีย สเตร็ปโตคอสคัส สายพันธุ์เอ (Streptococcus group A) พบการระบาดบ่อยในเด็กโต ช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี ทำให้อาการคออักเสบ ทอนซิลอักเสบ ร่วมกับมีผื่นแดงตามตัว เชื้อนี้อยู่ในน้ำลาย เสมหะหรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย จึงเกิดการติดต่อกันได้โดยง่าย ผ่านละอองฝอยของน้ำมูก เสมหะที่ไอหรือจามรดกัน อีกทั้งผ่านการสัมผัสโดยตรงจาก มือ สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ได้ 


อาการแสดงที่พบ

1. ไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัวร่วมกับอาการเจ็บคอ นั่นคือคออักเสบ เป็นอาการสำคัญ โดยการเจ็บคอนั้นมักพบอาการอื่น ๆ เช่น ตุ่มสีแดงที่ลิ้น คล้ายผลสตรอเบอรี่

2. อาจมีต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองโตอักเสบร่วมด้วย ซึ่งอาจจะบวมแดง มีหนองได้

3. ผื่นแดง สากคล้ายกระดาษทราย ขึ้นรอบคอ หน้าอก และกระจายไปตามลำตัวและแขนขา

4. ต่อมาอาจมีการลอกของผิวหนัง บริเวณรักแร้ ขาหนีบ ปลายนิ้วมือเท้าได้


อาการแทรกซ้อนที่พบได้ และต้องเฝ้าระวัง


1. โรคไข้ ข้ออักเสบรูมาติก

2. ไตอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมักเกิดตามหลังได้ 1-4 สัปดาห์ จากปฏิกิริยาเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอต่ออวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย


การวินิจฉัยโรค วินิจฉัยจากประวัติและอาการ อาการแสดงของโรคเป็นสำคัญ ร่วมกับการเพาะเชื้อจากคอที่มีการอักเสบของผู้ป่วย ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง


 การรักษา

1. ยาปฏิชีวนะ ชนิดเพนนิซิลิน(Penicillin) เช่น อะมอกซิซิลิน (Amoxycillin) อย่างน้อย 7-10 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อนของ โรคไข้ข้ออักเสบรูมาติกและไตอักเสบ ตามมา

2. รักษาประคับประคองตามอาการอื่น ๆ เช่น ลดไข้ บรรเทาอาการเจ็บคอ ลดอาการคันสากจากผื่น

3. ร่วมกับคำแนะนำให้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

4. หากใน 1-4 สัปดาห์ พบอาการไข้ร่วมกับอาการเหนื่อยง่าย ปวดข้อ รอยโรคที่ผิวหนัง หรือ ปัสสาวะผิดปกติ ควรมาพบแพทย์ทันที

การป้องกัน เนื่องจากเป็นโรคที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

1. จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยให้ได้อย่างน้อย 48 ชั่วโมง หรืออย่างน้อย 24 ชั่วโมง หากผู้ป่วยได้รับยากลุ่มเพนิซิลินแล้ว

2. หากจำเป็นที่ต้องใกล้ชิดกับผู้ป่วย ควรต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันสารคัดหลั่ง จากน้ำมูก เสมหะ น้ำลาย และจำเป็นต้องล้างมือด้วยน้ำสบู่ ก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วยหรือของใช้ของผู้ป่วย

3. หมั่นรักษาสุขภาพของตนและบุตรหลานให้แข็งแรง พร้อมต่อสู้กับโรคภัยเสมอ

 

แท็กบทความ

เจ็บคอ
คออักเสบ
ไข้หวัดใหญ่ไข้หวัด
ไข้อีแดงอีดำ