“คริสติน ลาการ์ด” ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวกับ CNBC ระหว่างเข้าร่วมการประชุม “เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม” (WEF) ที่เมืองดาวอส ว่า ยุโรปต้องเร่งเตรียมพร้อมและคาดการณ์มาตรการภาษีศุลกากรรอบใหม่ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
เธอระบุด้วยว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่บังคับใช้มาตรการภาษีแบบเหมารวมในวันแรกที่รับตำแหน่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดมาก เนื่องจากภาษีดังกล่าวอาจไม่ทำให้เกิดผลตามที่คาดหวัง
เธอคาดว่า มาตรการภาษีศุลกากรของ “ทรัมป์” น่าจะเป็นคัดกรองและโฟกัสเฉพาะกลุ่มมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ประเทศในยุโรปจำเป็นต้องเตรียมความพร้อม และประเมินสิ่งที่อาจเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้กลับ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่จะจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) และย้ำเรื่องนี้นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์
“วัลดิส ดอมบรอฟสกีส์” คณะกรรมาธิการ EU ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า หากมีความจำเป็นต้องปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของ EU ก็จะตอบโต้อย่างสมเหตุสมผล
หลายฝ่ายถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ยุค “ทรัมป์ 2.0” นักเศรษฐศาสตร์มองว่า ภาษีศุลกากรอาจส่งผลกระทบต่อเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ทำให้สินค้าส่งออกไปยังสหรัฐฯ น้อยลง ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
“ลาการ์ด” ระบุว่า สมมติฐานของ “ทรัมป์” ที่จะลดการนำเข้าจากยุโรปผ่านมาตรการภาษีเป็นเรื่องที่ยังมีคำถาม เพราะตลาดแรงงานสหรัฐฯ มีอัตราการว่างงานที่ต่ำ เท่ากับใช้ศักยภาพในการผลิตเกือบเต็มที่แล้ว ดังนั้น การผลิตในประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อไม่ต้องนำเข้าสินค้า หรือนำเข้าสินค้าในราคาที่สูงมาก เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา
สรุปข่าว