สำนักข่าว CNBC ระบุว่า หนึ่งในนโยบายที่ว่าที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ได้ให้คำมั่นไว้ว่าเขาจะประกาศในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง คือการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน โดย “ทรัมป์” ได้กล่าวต่อผู้สนับสนุนในการหาเสียงเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วว่า เพื่อให้บรรลุการลดต้นทุนพลังงานอย่างรวดเร็ว เขาจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทันที เพื่อให้สหรัฐฯ สามารถเพิ่มการผลิต การสร้าง และการจัดหาพลังงานอย่างมาก โดยเริ่มตั้งแต่วันแรก เขาจะอนุมัติการขุดเจาะใหม่ ท่อส่งน้ำมันใหม่ โรงกลั่นใหม่ โรงไฟฟ้าใหม่ เครื่องปฏิกรณ์ใหม่ และจะตัดทอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนออกไปด้วย
นอกจากนี้ “ทรัมป์”ยังได้ย้ำอีกว่า เขามีความตั้งใจที่จะออกคำสั่งทางบริหารหลายฉบับ เพื่อย้อนกลับนโยบายของรัฐบาลไบเดนเกี่ยวกับการส่งออกก๊าซธรรมชาติ การขุดเจาะ และมาตรฐานการปล่อยก๊าซด้วย
สรุปข่าว
นอกจากนโยบายด้านพลังงานแล้ว “ทรัมป์” ยังเตรียมใช้โอกาสในวันที่เขาเข้ารับตำแหน่ง จัดตั้งหน่วยงานจัดเก็บรายได้จากต่างประเทศ (External Revenue Service) เพื่อจัดเก็บภาษีศุลกากร ค่าธรรมเนียม และรายได้ทั้งหมดจากต่างประเทศด้วย
ซึ่งการประกาศดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ “ทรัมป์” ที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ตามที่ได้ให้สัญญาไว้ก่อนที่จะชนะการเลือกตั้ง โดยในประเด็นนี้เอง ต้องจับตาด้วยว่า “ทรัมป์” จะประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ เพื่อปิดทางให้เขาสามารถใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษีได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง ตามที่ CNN ได้เคยรายงานไว้หรือไม่