
จากข้อมูลขององค์การนาซา แสดงให้เห็นว่าอัตราการขยายตัวของระดับน้ำทะเลในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 0.23 นิ้ว ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.17 นิ้ว ด้าน "จอช วิลลิส”นักวิจัยด้านระดับน้ำทะเลจากห้องปฏิบัติการเครื่องยนต์ไอพ่นของ NASA ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้กล่าวในแถลงการณ์ของ NASA ว่า "ทุกปีอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่สิ่งที่ชัดเจนคือระดับน้ำทะเลยังคงเพิ่มขึ้น และอัตราการเพิ่มขึ้นกำลังเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
การศึกษาระบุว่า ในอดีตประมาณสองในสามของการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเกิดจากการละลายของแผ่นน้ำแข็งและธารน้ำแข็ง รวมถึงปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่มหาสมุทรจากแผ่นดิน ส่วนอีกหนึ่งในสามเกิดจากสิ่งที่เรียกว่า "การขยายตัวทางความร้อน"

สรุปข่าว
ภาวะโลกร้อนเกิดจากการสะสมของก๊าซเรือนกระจกที่ดักจับความร้อน และมากกว่า 90% ของความร้อนที่ถูกกักเก็บนี้ถูกดูดซับโดยมหาสมุทร เมื่อมหาสมุทรดูดซับความร้อน อุณหภูมิของน้ำจะเพิ่มขึ้นและทำให้น้ำขยายตัว แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อัตราส่วนดังกล่าวกลับพลิกกลับ โดยปัจจุบันสองในสามของการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเกิดจากการขยายตัวทางความร้อน และอีกหนึ่งในสามเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ
ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นเป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์กังวล เพราะทำให้เกิดรูปแบบสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นสามารถทำให้พายุคลื่นซัดฝั่งรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ชายฝั่งถูกกัดเซาะและระบบนิเวศถูกรบกวน ตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลยังส่งผลกระทบต่อเมืองชายฝั่งและเกาะต่ำทั่วโลก ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมบ่อยขึ้น และอาจทำให้บางพื้นที่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ในอนาคต นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าหากไม่มีมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบเหล่านี้จะรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม หลายประเทศเริ่มดำเนินมาตรการเพื่อลดความเสี่ยง เช่น การสร้างกำแพงกันน้ำทะเล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับน้ำท่วม และการวางแผนการอพยพในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการแก้ปัญหาในระยะยาวต้องอาศัยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจังเพื่อลดอัตราการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก