เชื้อเพลิงฟอสซิล ตัวการสร้างมลพิษและภาวะโลกร้อน

ตอนนี้นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมรณรงค์ให้หยุดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้โลกของเราเกิดปัญหามลพิษทางอากาศและยังทำให้โลกเราร้อนขึ้น เชื้อเพลิงฟอสซิล คือ เชื้อเพลิงชนิดหนึ่งที่เกิดจากการทับถมกันของซากพืชซากสัตว์ ทับถมเป็นเวลาหลายพันล้านปี และยังได้รับความร้อนจากใต้พื้นดิน ทำให้ซากพืชซากสัตว์ที่ทับถมกันเกิดการย่อยสลาย กลายเป็นแหล่งสะสมของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนขนาดใหญ่ ที่มนุษย์นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง และแหล่งกำเนิดพลังงานต่างๆ สำหรับเชื้อเพลิงฟอสซิลนั้นมี 3 ประเภท คือ ถ่านหิน น้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ สำหรับถ่านหินนั้น เป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่สำคัญในการผลิตพลังงานไฟฟ้า พลังงานความร้อน เป็นต้น ประเภทที่สอง น้ำมันดิบ ต้องนำไปกลั่นและผลิตแยกส่วน กลายเป็น "ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม"หลายชนิด เช่น น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล และประเภทสุดท้ายคือ ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงสะอาด เป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าที่สำคัญ แต่เมื่อเชื้อเพลิงฟอสซิลถูกเผาไหม้ผ่านกิจกรรมต่างๆ สุดท้ายจะปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจก ออกมา ซึ่งก๊าซเหล่านี้ดักจับและกักเก็บความร้อนได้ดี ส่งผลให้เกิด “ภาวะโลกร้อน” และ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ตามมา โดยเฉพาะการเผาไหม้ถ่านหินและน้ำมันปิโตรเลียม ถือว่าเป็นตัวการสำคัญในการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศโลกมากกว่าร้อยละ 75 ตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นต้นมา นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจด้วยนะคะ ขณะนี้ หลายประเทศเลยตั้งเป้า ลดการใช้พลังงานฟอสซิลกัน และหันไปใช้พลังงานสะอาด พลังงานที่มาจากธรรมชาติเป็นหลัก สามารถนำมาใช้ทดแทนแหล่งพลังงานแบบเดิมได้อย่างไม่จำกัด จึงถือเป็นพลังงานแห่งอนาคตที่ทั่วโลกล้วนให้ความสำคัญในขณะนี้